ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

             ภรรยานอกใจ - ใช้ธรรมะข้อใด - ให้คลายทุกข์

คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม


เจริญพรญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สัปดาห์นี้อาตมานำเรื่องราว ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง ซึ่งฝ่ายสามีโทรศัพท์เข้ามาขอคำปรึกษาอาตมา เล่าให้ฟังว่า “แต่งงานอยู่กินกับภรรยา มีพยานรัก 1 คน เป็นลูกสาว”

เมื่อวันเวลาผ่านไป เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน กับครอบครัว ฝ่ายภรรยาเริ่มมีอาการแปลกๆ บ่อยครั้งโทรศัพท์คุยกับใครก็ไม่รู้ บางทีก็ไปแอบคุยเงียบๆคนเดียว ในมุมอับของบ้าน

พอถามก็บอกคุยกับญาติ แต่ออกอาการลับๆล่อล่อ มีอะไรเคลือบแฝงปิดบังอย่างชัดเจน

“ตามที่ฟังเธออธิบาย ผมคิดว่า น่าจะมีอะไรซ่อนเร้น สุดท้ายก็จับได้ว่าเธอ แอบมีกิ๊ก เป็นชายหนุ่ม มีภรรยาแล้ว มีลูก 2 คน ทำอาชีพขับรถส่งของ กลางวันฝ่ายชายจะแอบมามีอะไรกับภรรยาผม”

โดยส่วนตัวกลางวันผมต้องไปทำงาน แต่การดูแลครอบครัว ผมไม่เคยบกพร่อง เลี้ยงดูภรรยาและลูก รับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ได้ให้เธอทำงาน เพราะต้องการให้เธอดูแลลูก แต่สุดท้ายเธอก็มาทำเรื่องไม่คาดคิด ผมรับไม่ได้จริงๆ

ตอนนี้ผมมึนมาก ไม่รู้จะตัดสินใจดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ก็เลยโทรศัพท์มาขอธรรมะแง่คิด หวังว่าหลวงพี่ น่าจะช่วยชี้แนะทางสว่างให้ผมได้

เรื่องของโยมอาตมามีทางเลือกให้โยม 2 ทาง คือ 1.เลิกกันไปเลย แล้วเอาลูกมาเลี้ยงเอง เหตุผล จะได้หมดทุกข์ 2.อยู่กันต่อไป เจ็บปวดอย่างไร ก็ยอมทน เหตุผล อดทนเพื่อลูก

วิธีดับทุกข์เพราะสามีภรรยา ผู้ที่ครองเรือน ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าสามีภรรยา ทั่วไปมีศีลมีธรรม ครอบครัวนั้น ย่อมมีความสุขตามโลกียวิสัย ไม่มีปัญหา

ส่วนสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หรือมีความทุกข์นั้น ขึ้นอยู่กับ “เสน่ห์ กับ เสนียด”

เสน่ห์ คือ สื่อทำให้สามีภรรยา รักกัน เช่น พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน พูดจริง พูดแต่ในเรื่องที่ควรพูด การแต่งกายให้ดูดีอยู่เสมอ ขยันในกิจการบ้านเรือน

ส่วนเสนียด คือ มีแต่จัญไร และอัปมงคล พบกันมีแต่บ่นด่า ฝ่ายที่ถูกบ่นถูกด่าก็ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเข้าบ้าน ก็ต้องไปหาบ้านอยู่ใหม่

ทางแก้ คือ ควรใช้หลักธรรม หลักศีล คือต้องไม่จู้จี้ พูดมาก ขี้บ่น ต้นเหตุเพราะ คนในบ้านไม่ให้ความร่วมมือ อะไรๆจึงมาตกแก่แม่บ้านหมด ทั้งงานนอกงานใน ขี้เยี่ยวไม่ออกก็แม่บ้านคนเดียว ถ้า “ทำใจ” ไม่ได้ โรคประสาทก็จะถามหาทันที

ทางแก้ คือ ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านและลูกบ้าน ควรร่วมมือกัน อะไรพอทำได้ก็ช่วยกัน และแม่บ้านที่ฉลาด ก็ไม่ควรจะผูกขาดงานในบ้านเสียคนเดียว ใครๆทำให้ก็ไม่ถูกใจ ควรฝึกให้ลูกๆขยันและช่วยตนเองให้มาก การเอาแต่ใจตัว คือ ชอบทำอะไรเผด็จการ ไม่ปรึกษาหารือกันก่อน

“สามีภรรยามีสองร่าง แต่ควรมีหัวใจเดียวกัน” บ้านจึงสันติสุข ควรเป็นคนมีเหตุผล อย่าทำอะไรตามอารมณ์ แม้ว่าการทำเช่นนั้นไม่ทำให้ครอบครัวแตกแยกก็จริง แต่ต้องนอนหันหลังให้กัน ย่อมไม่มีความสุข ควรควบคุมอารมณ์ ก่อนทำหรือพูดควรมีสติ และปัญญา ควรมีความสันโดษ หรือพอใจในสิ่ง ที่มีและได้ อย่าเทียบฐานะกับคนที่เหนือกว่า ควรเทียบกับคนที่ด้อยกว่า แล้วชีวิตจะมีสุข

ครอบครัวแสนสุข คือ อยู่ในศีลธรรมทางศาสนา มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เมื่อหลีกเลี่ยงการหย่าร้าง ไม่ได้ ควรนึกถึงลูกให้มากๆ ควรมอบความรักให้กับลูกให้มากๆ ยากนักที่ลูกจะได้รับความรักความอบอุ่นจากคนอื่น เทียบเท่าพ่อแม่ เด็กมักเป็นปัญหาแก่สังคม อย่าทิ้งเวรกรรมไว้กับลูก เพราะเขายังอ่อนต่อโลกและชีวิตนัก

เมื่อเกิดเป็นปุถุชนคนธรรมดา ย่อมมีทั้งความสุขและทุกข์ คลุกเคล้ากันไปในชีวิต แล้วแต่ว่า แต่ละคนจะมีวิธี เสาะแสวงหา หรือ หลีกเลี่ยง ความสุขทุกข์ เหล่านั้นกันอย่างไร

วิธีการดับทุกข์ เพื่อได้พบกับหนทางแห่งความสุขในชีวิต ต้องเข้าใจสังขาร คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย หนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ ทุกข์เกิดจากกิเลส คือ โลภ โกรธ และหลง ทุกข์เกิดจากการหาอาหาร ทุกข์เกิดจากการทะเลาะวิวาท ทั้งหมดคือทุกข์รวบยอด

พ่อแม่ลูก"ทำกรรมร่วมกันมา" แต่อดีตชาติ" ประเภทเสียด้วยกัน คือทั้งสองฝ่ายเคยทำบาปทำกรรมร่วมกันมา มีความชั่วพอๆกัน ชอบเรื่องร้ายๆพอกันอย่างนี้เกิดมาพบกันอีก และอยู่ด้วยกันได้ แม้จะลุ่มๆดอนๆก็ไม่ค่อยแยกกัน ถึงคราวสุขก็สุขด้วยกัน ถึงคราวทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกันได้

ประเภทนี้ก็เช่นกัน ถ้าเป็นสามีภรรยากัน ก็ประเภทหญิงร้ายชายเลว หรือพวกนักเลงเที่ยว นักเลงพนัน นักเลงสุรา จนกระทั่งนักเลงปล้นจี้ เป็นต้นคือชอบอย่างเดียวกัน ย่อมไปด้วยกันได้

ส่วนอีกประเภทมีเวรต่อกัน คือประเภทที่อีกฝ่ายหนึ่งอาจดี แต่อีกฝ่ายอาจเสีย ฝ่ายดีก็จะถูกฝ่ายเสียคอยรบกวน รังควาน ทำลายอยู่เรื่อย ไม่โดยตรง ก็โดยอ้อม อย่างกรณีที่ยกตัวอย่างมา เช่น บางรายพ่อแม่ดี แต่ลูกไม่ดี บางรายครอบครัวดี แต่บริวารนำความเดือดร้อนมาให้

กรณีอย่างนี้เกิดขึ้น เพราะทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังผูกเวรจองกรรมไว้ จึงต้องมาพบกัน คอยขัดขวางกันอยู่ร่ำไป

ไม่ต้องอื่นไกล แม้แต่พระพุทธองค์ ยังทรงมีมารคอยผจญ มีพระเทวทัตคอยทำลาย และมีนักบวชต่างศาสนาคอยล้างผลาญ

อำนาจของเวร ลองได้ก่อไว้ หรือถูกก่อไว้ ก็เป็นได้ตามผจญกันไม่สิ้นสุด ประดุจเวรของงูกับพังพอน เวรของกากับนกเค้า และเวรของมนุษย์ผู้ถือตัวจัดในเรื่องศาสนากับผิวในปัจจุบัน

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ละเวรเสีย อย่างน้อยก็ด้วยการรักษาศีล ตั้งมั่นอยู่ในศีล เพราะศีลเป็นเวรมณี เป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้หมดเวรได้



แม้อย่างกรรมก็เช่นกัน ไม่ว่าจะทำคนเดียว หรือร่วมทำกับใคร หากเป็นกรรมชั่วกรรมเสียแล้ว ท่านว่าไม่ควรทำทั้งนั้น...ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม