ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สาวใหญ่สรรพากร “วอนหลวงพี่” ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรเลย
เคยมี 70 ล้าน วิญญาณผีพนันเข้าสิง “ปริ่มแทบจะขาดใจ”
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน อาตมาได้รับโทรศัพท์จากโยมสีกาท่านหนึ่ง เธอเคยมีอาชีพรับราชการ ปัจจุบันเกษียณแล้ว ....น้ำเสียงเศร้ามาก.... เธอร่ำไห้.... ปริ่มแทบจะขาดใจ !!!

“นมัสการค่ะหลวงพี่ โยมอยากจะฆ่าตัวตาย ชีวิตวันนี้โยมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว โยมตัวคนเดียว ไม่มีสามี ไม่มีลูก ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาตลอด”

สมัยก่อนโยมเคยรวย ระดับเศรษฐีนี มีเงินเก็บสะสม พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติมหาศาล มรดกเก่า มีมากถึง 70 กว่าล้านบาท ใช้ชีวิตในห้วงที่มีเงิน อย่างมีความสุขมาก

การงานที่ทำก็มีหน้ามีตา มีเกียรติยศชื่อเสียง มีบารมี มีลูกน้องบริวารมากมาย แต่โยมมีจุดอ่อนที่แก้ไม่หาย เป็นสันดานติดตัวก็คือ “ชอบเล่นการพนัน เป็นชีวิตจิตใจ”

มันเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ในชีวิต คิดแต่สนุก เล่นด้วยความมันส์ในอารมณ์ เพลิดเพลิน ลืมตัว ไม่สนใจชีวิตในปั้นปลายว่าจะมีอะไรตามมา คิดแต่เพียงจะเอาชนะ เล่นให้ชนะ เล่นให้ได้ ไม่เคยคิดยอมแพ้มัน

จวบจนวันนี้โยมอายุ 61 ปี ไม่เหลืออะไรเลย แถมเป็นหนี้เพื่อนๆ ที่ไปขอยืมเขามา แต่ไม่มีปัญญาใช้ ทุกวันนี้โยมต้องคอยหนีหน้าเพื่อนๆ เพราะไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร เพราะเราไม่มีเงินจะใช้หนีเขาจริงๆ

ทุกวันนี้โยมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีทางออก มันตันมันตื้อไปหมดรอบด้าน สุดท้ายโยมนึกถึงหลวงพี่น้ำฝน เคยดูรายการทางช่อง 5 อ่านคอลัมน์หลวงพี่ในมติชนสุดสัปดาห์ รู้สึกศรัทธา เชื่อว่าหลวงพี่ น่าจะเป็นที่พึ่งให้โยมได้.....

เมื่ออาตมาได้ฟังเรื่องของโยมแล้ว รู้สึกสะเทือนใจ ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบจะขาดใจ และบอกว่าอยากจะฆ่าตัวตาย ยิ่งมีความรู้สึกว่า ผีการพนันนี่มันโหดร้าย ทำลายชีวิตมนุษย์หนึ่งคน ที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง ให้ล่มสลายลงได้ในพริบตา!!!

โยมเคยมีเงินจำนวนไม่น้อย ใช้กิน ใช้เที่ยว ชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมด

แต่อย่าไปคิดมาก เรื่องมันผ่านไปแล้ว เพราะตั้งแต่ตอนแรกที่โยมเกิดขึ้นมา โยมก็ไม่มีอะไรติดตัวมาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเสียดาย เพราะยังไงมันก็คือสิ่งสมมุติ เงิน ทรัพย์สมบัติ ทั้งหมดคือภาพลวงตา ยามที่โยมตายไปแล้ว ก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ แม้กายสังขาร

“ไม่ต้องไปคิดฆ่าตัวตาย เพราะถึงเวลา โยมก็ต้องตายเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องรีบร้อน”

ไม่ต้องทำให้ตัวเองต้องเจ็บ พอถึงเวลานั้น โยมก็ต้องเจ็บ มันเป็นไปตามสัจธรรมมนุษย์ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ โยมต้องตั้งสติให้คิดเสียว่า นี่คือวิบากกรรม ค่อยๆคุย ค่อยๆเคลียร์ ไม่ต้องหนีปัญหา หนี้สินที่ไปขอยืมเพื่อนมา เล่าความจริงให้เพื่อนฟัง ไม่ต้องอาย หาทางผ่อนชำระ มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้มาก

เรื่องการเป็นหนี้นั้น ย่อมเป็นทุกข์ หนี้จากการพนันก็เป็นทุกข์ คนไม่มีทรัพย์เป็นของตนเอง ไม่มั่งคั่ง ย่อมต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขา แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์
คนจนกู้หนี้แล้ว ก็จะต้องเสียดอกเบี้ย แม้การเสียดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์
คนจนที่จะต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ให้ดอกเบี้ยตามกำหนด ก็จะถูกเขาทวง แม้การถูกทวงก็เป็นทุกข์
คนจนถูกทวงไม่ให้เขา ก็ถูกตามตัว แม้การถูกตามตัว ก็เป็นทุกข์

คนจนถูกตามตัว ไม่ให้เขา ก็ถูกจองจำ แม้การถูกจองจำก็เป็นทุกข์

ความจนก็ดี การกู้หนี้ก็ดี การเสียดอกเบี้ยก็ดี การถูกทวงก็ดี การถูกตามตัวก็ดี การถูกจองจำก็ดี ล้วนเป็นทุกข์ในโลกด้วยประการฉะนี้!!!

การพนันทำให้คนหมดทรัพย์ ไม่มีความมั่งคั่ง เป็นทุกข์จากการก่อหนี้ สนองความต้องการของตนเองแบบไม่รู้จักพอ หรือคนที่ยังวนเวียนอยู่ในโลกของโลกียชนหรือปุถุชนนั่นเอง!!!

แต่ถ้าใช้ชีวิตแสวงหาความสุข โดยไม่ต้องอาศัยอามิส คือ รูป เสียง กลิ่น รส และธรรมารมณ์แล้ว ก็คือ ไม่ต้องกู้หนี้มาเพื่อหาซื้อสิ่งเหล่านี้

สังคมไทยถูกครอบงำด้วยวัตถุนิยม ทุกครัวเรือนไล่ล่าสิ่งของสนองจิตใจของคนที่ไม่รู้จักพอ เช่น รถมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าราคาแพง เพียงเพื่อให้เพื่อนฝูงมองว่าตนเองทันสมัย และจากการวิ่งไล่ล่าหาสิ่งต้องการมาสนองความอยาก

การเป็นหนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นเมื่อรายได้ที่หามาได้ไม่เพียงพอที่จะหาซื้อสิ่งที่ว่านี้ ก็จะต้องเป็นหนี้กู้ยืมเงินมาซื้อหรือไม่ก็เป็นหนี้ซื้อสินค้าเงินผ่อน และเมื่อเป็นหนี้ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องแบกภาระในการจ่ายดอกเบี้ย และถ้าจ่ายไม่ทันกำหนดก็จะต้องถูกทวงแบบโหดเหี้ยม ทั้งยึดทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย เป็นการคุกคามขู่เข็ญจากเจ้าหนี้

การที่ไม่รู้จักคำว่าพอก็เป็นหนี้ และเป็นทุกข์ในที่สุด เมื่อไม่สามารถใช้คืนหนี้ตามกำหนด หรือไม่สามารถผ่อนสินค้าที่ซื้อมาด้วยการผ่อนชำระได้ สุดท้ายก็ยอมทิ้งให้ถูกยึด ส่วนการเป็นหนี้เงินสดก็ยอมให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นที่อยู่ ที่ทำกิน และบางรายถึงกับฆ่าตัวตายไปก็มี

ในฐานะที่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ถ้าชาวไทยทั้งที่เป็นพุทธและไม่ใช่พุทธได้นำหลักการใช้ทรัพย์ มาใช้ ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้พ้นทุกข์จากการเป็นหนี้ได้ และแนวทางที่ว่านี้ก็คือ

การแบ่งรายได้ที่หามาได้ ส่วนใช้เลี้ยงตน เลี้ยงคนที่ควรบำรุง อันได้แก่ คนในครอบครัว และทำประโยชน์ ส่วนที่ใช้ลงทุนประกอบการงาน และส่วนเก็บไว้ใช้ในคราวจำเป็น

จากแนวทางใช้ทรัพย์ประการนี้ จะเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ทรงเน้นการใช้จ่าย รายได้ และให้เก็บออมไว้ เพื่อใช้ในยามจำเป็น ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น ถ้าทุกคนใช้แนวทางนี้ แน่นอนว่าจะหนีจากความจน และความทุกข์อันเกิดจากความจนได้อย่างแน่นอน ย้ำสุดท้าย ให้เลิกเล่นการพนัน โดยเด็ดขาด...ขอเจริญพร


พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม