ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556


ทุกข์แน่นอกแม่ ‘ถวิลหา’ ลูกชายวัย 35 ปี
‘ความห่วงใย’ สำนึกที่ลูก ควรสำเหนียก!!

คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม


เจริญพรญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สัปดาห์นี้มีเรื่องของแม่ ที่กำลังทุกข์หนัก เนื่องเพราะลูกชายสุดที่รัก หายออกไปจากบ้าน

แม่ท่านนี้ออกติดตามหา ทุกหนแห่ง ไม่ละความพยายาม แต่บัดนี้ก็ยังไม่เจอ??

สุดท้ายก็ได้มาหาอาตมาที่วัดไผ่ล้อม เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง....อาตมาเข้าใจในทันทีถึงหัวอกของความเป็นแม่….กว่าจะเลี้ยงลูกมาจนเติบใหญ่ ผ่านทุกข์สุขมากมาย และแม่นี่ล่ะ คือ “บุคคลที่อดทนเพื่อลูกมากที่สุด”

เริ่มแรกเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ หัวใจของแม่พองโต ปีติตั้งแต่อุ้มท้อง 9 เดือน เหนื่อยหนักสุดแสนทรมาน “แต่แม่ก็ยังยิ้มได้เสมอ” เพราะอะไร “ความรักตัวเดียวเท่านั้น” ไม่มีอะไรมาเคลือบแฝงทั้งสิ้น

“แม่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู ทะนุทนอม เพื่อให้ลูกเติบใหญ่ อยากเห็นลูกเอาตัวรอดได้ สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างไม่ติดขัด หัวใจของแม่ต้องการสร้างและปั้นลูก ให้เป็นคนดีมีคุณภาพ เป็นคนดีของสังคม และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน”
แต่กรณีรายนี้ อาตมาเชื่อว่า ลูกชายของโยม ยังมีชีวิตอยู่ และยังปลอดภัย เพียงแต่เขาอาจจะมีความต้องการ ออกไปใช้ชีวิตโลดแล่น ตามที่ใจปรารถนา

โยมไม่ต้องไปเสียเวลา กับการคิดมุมลบ หรือพยายามคิดว่าลูกชายโดนของ ถ้าคิดแบบนั้น ตัวโยมก็ทุกข์ “เพิ่มความเครียด ทวีความกังวนใจ” อาตมาอยากให้โยมมองเรื่องลูกชายหายออกไปจากบ้าน ในแง่มุมดีๆ คิดบวก

ลูกชายเขาอาจจะไปทำงานที่ใดที่หนึ่ง ไปแสวงหาความรู้ใหม่ๆ หรือค้นหา สิ่งที่เขาชอบ หรืออยากทดลองทำบางสิ่งที่เขารัก

ถึงเวลานี้แล้ว โยมไม่ต้องไปตามหาอีก เพราะเดี๋ยววันหนึ่ง เขาก็จะกลับมา พร้อมกับความสำเร็จ นับวันเขายิ่งโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ให้เขาไปเรียนรู้โลกกว้างข้างนอกบ้าน เรียนรู้คนหลากหลายอาชีพ และสัมผัสงานแปลกใหม่บ้าง

“อาตมาเข้าใจ โยมทำใจยาก ลำบากที่จะไม่คิดเยอะ แต่โยมต้องคิดให้น้อยลง เพราะที่ผ่านมา โยมได้ทำหน้าที่ของแม่บังเกิดเกล้า อย่างดีบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว”
“การรอคอย” ถึงแม้ว่ามันจะทรมาน แต่ถ้าเราสามารถปรับอารมณ์ ให้การรอคอย มีความสุขได้ รอแบบมีเหตุผล รอแบบมีความหวังในทางสร้างสรรค์ “จรรโลงใจ”
ที่สำคัญเขาไม่ใช่เด็กแล้ว โยมบอกลูกชายเกิดปีพ.ศ.2521 ปัจจุบันอายุก็ปาเข้าไป 35 ปีแล้ว โตพอที่จะแยกแยะดีชั่ว เชื่อว่าลึกๆภายในใจของเขา ต้องคิดถึงแม่ สงสารแม่อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า เขาอาจจะรอความพร้อมบางอย่างในตัวเขา “โลกเรามีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก อย่าทำชีวิตให้หนัก ทำใจสบายๆ ว่างๆก็ไปทำบุญทำทานสร้างกุศล ชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ในโลกใบนี้ไม่มีใครอยู่ยาวนานเป็นอมตะไม่ตาย สุดท้ายก็ลงโลงกันหมด” ปลงเสียบ้างก็น่าจะดีนะโยม

โยมฝึกสอนตนเอง ....ระหว่างที่โยมยังมีลมหายใจ ควรมองโลกในแง่ดี ในส่วนของลูกๆ ก็ควรมองพ่อแม่ในแง่ดีเช่นกัน อย่ามีอคติกับผู้ให้กำเนิด ลูกบางคนคิดเพียงว่า พ่อแม่ต้องดูแลเราทุกลมหายใจ จริงๆแล้วเราต้องขอบคุณท่าน ที่ทำให้เราเกิดมา เราต้องตอบแทนท่าน ไม่ใช่โยนภาระให้ท่านทั้งหมด

เมื่อเกิดมาแล้วต้องช่วยกัน ให้ความรัก ให้ความเมตตา เสียสละต่อกัน อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่ได้ ทุกลมหายใจเข้าออก ควรมีแต่ความสดชื่นและเบิกบานใจ

ส่วนอุปสรรคปัญหานั้น ต้องแก้กันไปทีละเปลาะ พอปัญหาเจือจาง ใจก็สว่าง มีพลังกำลังใจในการดำเนินชีวิตสืบต่อไป

“ในฐานะที่โยมเป็นแม่ ต้องเป็นเสาหลัก ใจต้องนิ่ง ถ้าแม่ใจแย่ หรือท้อแท้เสียแล้ว ลูกๆจะอยู่อย่างไร ถ้าที่พึ่งทางใจสั่นคลอนหวั่นไหวอ่อนแอโอนเอน”

วันนี้โยมยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็มิได้อยู่ตัวคนเดียว มีอะไรก็ปรึกษาหารือกัน ลูกสาวจะเข้าใจแม่มากกว่าลูกชาย ด้วยความเป็นเพศเดียวกัน ในความเป็นผู้หญิงจะมีความลึกซึ้งมากกว่า ลูกสาวรู้ว่าแม่ต้องการอะไร คิดอะไร การปลอบประโลมถือเป็นสิ่งสำคัญ “ต้องอยู่กับแบบอบอุ่น”

โยมต้องดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง อย่าถดถอย ทดท้อ รักษาสุขภาพกาย ดูแลสุขภาพใจ ถ้าโยมอ่อนแอ โรคภัยไข้เจ็บก็มาเยือน ถ้าป่วยไม่สบายไป เดี๋ยวก็ยุ่งเพิ่มขึ้นอีก

ส่วนลูกชายถ้าได้อ่านเรื่องนี้ ก็ขอให้จงทราบไว้ว่า แม่นั้นรักเราเพียงไร น่าสงสารแม่แค่ไหน อุตสาห์ไปตะลอนๆตามหา ด้วยความห่วงใย ลูกชายถ้าทราบข่าวนี้แล้ว จงสำนึก และถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ก็จงกลับมาเยี่ยมมาหาแม่ กลับมาดูแล ตอบแทนบุญคุณท่าน

“ความกตัญญูกตเวที” มีอยู่กับใครก็ตาม ชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง การได้ดูแลพ่อแม่ และไม่ทำให้ท่านต้องเสียใจ ถือเป็นบุญใหญ่ของมนุษย์ทุกคน
น้อย ถือเป็นสิ่งประเสริฐ ลูกที่บูชาพ่อแม่ “ชีวิตจะไม่ตกอับ” ถึงจะมีเรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิต
ลูกที่ทำให้พ่อแม่มีความสุขตามอัตภาพ ไม่มากก็“เรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบา เศร้าก็จะมลายหายไป”

ลูกส่วนใหญ่ที่ได้ดี มักมาจากลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่ การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ มีแต่ความเป็นสิริมงคลในชีวิต พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตลูก คือ “แม่พระของเรานั่นเอง” จงจำไว้

พระองค์สำคัญประจำบ้าน ที่ควรกราบขอพร และเชื่อฟัง นำไปเป็นแบบอย่าง หรือแขวนติดกายติดใจไว้เสมอ คือ แม่กับพ่อของเรา ถ้ามีท่านอยู่ตลอดเวลา ท่านก็คุ้มภัยเราได้ตลอดเวลาเช่นกัน

เรื่องพุทธคุณไม่ต้องพูดถึง ประสบการณ์ในทางดีๆ มีให้เห็นมากมาย แค่คิดถึงแม่ก็แคล้วคลาดปลอดภัย เดินทางไปไหน ก็มีแต่ความสุขความเจริญ

ลูกๆถ้าจำเป็นต้องจากพ่อแม่ ก็ขอให้จากเพียงกาย ใจอย่าจากกัน “ใจควรถึงใจ” สื่อประสานไว้ตลอดเวลา นับเป็นความหมายที่ดีระหว่าง แม่กับลูก ความพันผูก หรือความผูกพัน ระหว่างแม่กับลูก คือสายใย ไม่มีวันที่จะขาดจากกันอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้อาตมาขอให้แม่ลูกทั้งหลาย จงมีความเชื่อมั่น ในการหมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว

ถ้าหลงผิดคิดพลาด ก็จงกลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่ ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับการให้อภัยตนเอง “ผิดเป็นครู” เป็นบทเรียนสอนใจ เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุง

เมื่อปรุงจนได้ที่ ชีวิตก็ไม่สับสน “รู้เท่าทัน ผิดชอบชั่วดี” เมื่อความคิดตรงนี้ ผ่านกระบวนการเพาะบ่ม งอกงามดีแล้ว ก็จะสามารถต่อยอด ถ่ายทอดไปสอนผู้อื่นได้เช่นกัน

สัปดาห์นี้ท่านผู้อ่านทุกท่าน คงจะได้เห็นสัจจะธรรมของความเป็นแม่ ที่อาทรลูกมากขนาดไหน แล้วใยลูกจะไม่สำนึกสำเหนียกบ้างเชียวหรือ....ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม