ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

‘หมอสำราญ’ ขวัญใจคนจน เมืองนครปฐม
เจ้าของฉายา 60 บาท รักษาทุกโรค-ไม่เลี้ยงไข้
ทุ่มเท เสียสละ จนวาระสุดท้าย ตายในหน้าที่
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

พรญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สัปดาห์นี้อาตมาหยิบยกเรื่องที่ไม่เคยเขียนมาก่อน เป็นเรื่องของคุณหมอ ขวัญใจชาวบ้าน ขวัญใจคนยากคนจน โดยเฉพาะคนในจังหวัดนครปฐม ต่างรู้จักคุณหมอท่านนี้เป็นอย่างดี

คุณหมอ อุทิศ “กาย วาจา ใจ” รักษาคนไข้ จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ในขณะกำลังจะฉีดยาให้คนไข้ ท่านทรุดตัวลงข้างเตียง “แล้วก็หยุดหายใจ” ล้มพับลงไปต่อหน้าคนไข้

ภาพสุดท้ายของคุณหมอ นักสู้เพื่อคนจน ทุ่มเทเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อคนตกทุกข์ได้ยาก ที่มากทวีคูณในแต่ละวัน

และที่สำคัญวันนี้ ในขณะที่อาตมา กำลังเขียนต้นฉบับ อาตมายังอยู่ในอาการ เป็นหวัดคัดจมูก อาการป่วยยังไม่หายดี ต้องฉันยาประคองไว้

โดยปกติเวลาที่อาตมาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ไปหาคุณหมอสำราญ ท่านนี้ ที่คลีนิก ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณถนนหน้าพระ ข้างองค์พระปฐมเจดีย์

“คลินิกเวชกรรมหมอสำราญ” สังเกตง่าย อยู่ข้างร้านหนังสือนายอินทร์ และธนาคารออมสิน

สำหรับนิสัยส่วนตัวของคุณหมอสำราญ เท่าที่อาตมาได้สัมผัสตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คุณหมอเป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น ใจดี เวลาจะฉีดยาแต่ละครั้ง ท่านจะครวญเพลงจีนทุกครั้ง

ในขณะที่คุณหมอ ให้ยา ฉีดยา แนะนำการดูแลรักษาร่างกาย ท่านดูมีความสุขกับการทำงานมากๆ

จากนั้นพอคิดค่ารักษาพยาบาลออกมาแล้ว ทุกครั้งไม่เกิน 60 บาท เสมอเท่าเทียมเหมือนกันหมด ไม่เลือกชั้นวรรณะ ยากดีมีจนราคาเดียวเท่านั้น

ตามประวัติคุณหมอสำราญ ท่านเกิดในตระกูล ฉายแสงอรุณ เรียนจบมาจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ รุ่นที่ 8

ด้วยวัยเกือบ 60 ปี แต่สีหน้าของคุณหมอ ก็ยังดูผ่องใส มีใจเมตตา รักษาคนไข้เสมอภาค ตามคิว ตามเวลา ไม่มีคำว่าอภิสิทธิ์ ไม่มีเส้นมีสาย ทุกคนต้องรอ คุณหมอวางกฎระเบียบไว้ค่อนข้างเข้มงวดชัดเจน
คลีนิกของคุณหมอเป็นตึกเก่าๆ ไม่ติดแอร์ มีแต่พัดลมเก่าๆ1ตัว มีโทรทัศน์สี14นิ้ว เครื่องเล็กๆไว้ให้คนไข้ดู เวลารอเรียกเมื่อถึงคิว และหนังสือพิมพ์รายวันอีก 2 ฉบับ ไทยรัฐ เดลินิวส์ พร้อมเจ้าหน้าผู้หญิงอีก 2 คน

สภาพโดยรวมเรียบง่าย อยู่กันแบบพอเพียง แต่สะอาด

สรีระของคุณหมอเป็นคนตัวเล็กๆ แต่งตัวเรียบร้อย พูดจาสุภาพ พื้นเพเป็นคนใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ภาพที่เห็นในแต่ละวัน คนไข้มารอคิวมากมาย คนเฒ่าคนแก่จะรักเคารพคุณหมอสำราญ เป็นอย่างมาก

จากคำชมของชาวบ้าน ให้เหตุผล ทำไมถึงรักและศรัทธา เพราะคุณหมอสำราญรักษาเก่ง มารักษาแล้ว อาการป่วยหายทุกครั้ง

จวบจนได้รับฉายาจากชาวบ้านว่า “หมอสำราญ ไม่เลี้ยงไข้” มาทีไรหายทุกที ไม่แพง ทั้งฉีดทั้งให้ยากิน 60 บาทเท่านั้น

บางรายรักษากันมา 20-30 ปี จากรุ่นปู่ย่าตายายมาถึงรุ่นพ่อแม่ ยันลูกหลาน เรียกว่า ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย

อาตมามีความเชื่อว่า คนในสังคมไทยของเรานี้ ยังมีคนดีอีกมากมายในทุกซอกหลืบของทุกสาขาอาชีพ

นัยยะแห่งการเสียสละ ทุ่มเท มีจรรยาบรรณ ทุ่มเทจริงใจ และซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม มีเมตตา ไม่โลภมาก รวมถึงชอบที่จะปิดทองหลังพระ เฉกเช่นคุณหมอสำราญ งานที่คุณหมอทำด้วยใจรัก ประกาศให้โลกรับรู้ว่า “คุณหมอไม่โลภ”

คุณหมอเคยเล่าให้อาตมาฟังว่า ในอดีตคุณหมอเคยทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง แต่คุณหมอไม่ชอบ ไม่ถูกจริตนิสัย

อาตมาถามต่อว่า ทำไมถึงไม่ชอบโรงพยาบาลเอกชน สถานที่ทำงานออกจะหรูหรา มีหน้ามีตา เงินเดือนแพง “หมอไม่อยากรวยฤา”

หมอตอบ... “ผมสงสารคนไข้มากกว่า ผมเกลียดการเลี้ยงไข้ อย่าให้ผมอธิบายอะไรมากไปกว่านี้เลยครับหลวงพี่ รู้ๆกันอยู่ ทุกวันนี้ทุกอาชีพ คือธุรกิจ ผลกำไรต้องมาก่อน ยิ่งกำไรมากเท่าไหร่ เจ้าของธุรกิจก็ยินดี”

จากนั้น ตัดสินใจลาออก มาเช่าตึก ทำคลีนิค รักษาคนไข้ ในสนนราคาที่ชาวบ้าน สู้ไหว ส่วนตัวนั้น กิน 2 มื้อก็อิ่ม ไม่ต้องการอะไร สุดท้ายตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่รู้จะกอบโกยเก็บสะสมเพื่ออะไร

คำตอบสุดท้ายของคุณหมอสำราญ คือธรรมะของพระพุทธเจ้าล้วนๆ ถ่องแท้ บริสุทธิ์จริงใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง

“คนที่รู้จักพอ ก็คือคนรวย ส่วนคนที่ไม่รู้จักพอ ก็คือคนจน”

อาตมาและคุณหมอสำราญ ในรอบหนึ่งปี เราพบกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในยามที่ป่วยไข้ มักจะเจอกันบ่อย

หลังๆมานี่ อาตมางานเยอะ ป่วยเล็กน้อยก็ไม่ได้ไปหาคุณหมอสำราญ หายาฉันเองตามอัตภาพ

ล่าสุดลูกศิษย์ใกล้ชิด ยิงคำถามมาว่า หลวงพี่รู้หรือยัง คุณหมอสำราญ เสียแล้ว อาตมาตกใจ เพราะไม่ทราบข่าวนี้มาก่อน ถามไถ่ความเป็นไป ก็ยังไม่ละเอียด ก็เลยตัดสินใจให้ลูกศิษย์ขับรถพาไปร้านลูกศิษย์ ที่อยู่ใกล้ๆคลีนิก เป็นร้านแว่นตา ชื่อร้านอาณาจักรแว่น เจ้าของร้านชื่อนายเปี่ยม

โยมเปี่ยม บอกว่า.... วันที่คุณหมอจะเสียชีวิต เดินผ่านร้าน หน้าซีด ดูโทรมมาก

โยมเปี่ยมหันไปถามภรรยา “นี่เธอ ทำไมวันนี้คุณหมอดูโทรมจัง” ภรรยาไม่ตอบอะไร แต่ส่ายหน้า สื่อบอกถึงความไม่รู้จริงๆ

จากนั้นอาตมาก็มาทราบว่า หมอเสียชีวิตแล้ว ระหว่างรักษาคนไข้ ท่านได้ทรุดตัวลงไปกับพื้น ข้างเตียงคนไข้ เป็นการตายในหน้าที่ของคุณหมอ สมบูรณ์แบบ และน่ายกย่องอย่างยิ่ง

เมื่ออาตมาทราบเรื่องทั้งหมด ทำให้ฉุกคิดถึงความเป็นหมอในวิชาชีพ รักษาคนไข้ให้หายจากการป่วยมาแล้วมากมาย แต่หมอหลายท่าน ลืมให้เวลาดูแลรักษาตนเอง

กรณีตัวอย่างเฉกเช่น คุณหมอสำราญ อาตมาเชื่อว่า ท่านทำงานจนลืมดูแลสุขภาพตนเอง

คุณหมอ บอกคนไข้ เตือนคนไข้ แนะนำคนไข้ แต่ลืมสอนตน ให้ปฏิบัติดูแลสุขภาพ แถมพกเอาความมั่นใจในตัวตน มากจนเกินไป ผนวกกับความประมาท ไม่คาดคิด เชื่อมั่นในสุขภาพของตน ถือว่าบกพร่องอย่างมหันต์

เรื่องการดูแลสุขภาพของเรานี้ ถ้าละเลยก็อันตราย บ่อยครั้งที่สอนคนอื่น แต่ลืมสอนตน ไม่วางแผนชีวิต ไม่พักผ่อน ลุยงานจนสภาพร่างกายรับไม่ได้ ทนไม่ไหว

ร่างกายคนไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร ต้องมีบุบสลายไปตามกาลเวลา ใช้งานมากก็เสื่อมมาก ต้องพัก ต้องซ่อมบำรุง ฉันใดก็ฉันนั้น

อาตมาเปรียบคุณหมอสำราญ ถ้าท่านเป็นรถยนต์ นั่นก็หมายความว่า ไม่เคยถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่เคยให้ช่างตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ นั่นเอง!!!

ถึงโยมเป็นช่างยนต์ แต่ไม่เคยดูแลรถของตน ถึงเวลามันก็พัง เครื่องเสีย รถตายได้เช่นกัน... สัจจะธรรมข้อนี้ชี้ชัด ถึงการต้องรู้สติ สติรู้ตลอดเวลา ไม่ประมาทกับการดำเนินชีวิต รู้เท่าทันกับทุกลมหายใจ และเข้าใจมันอย่างถูกต้อง ถ่องแท้....ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม