ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เมื่อผัวโยมไปมีเมียน้อย โยมจะทำอย่างไร ?!?
หลวงพี่สยายใจ ปลุกต่อม “มโนธรรม” สำนึกสามี
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน “คอลัมน์จุดไฟในใจคน” วันนี้มีเรื่องราวชีวิตจริง ที่เกิดขึ้นในหลายๆครอบครัว มาเล่าสู่กันฟัง เรียนรู้เป็นกระสาย เอาไว้เตือนตน เผื่อไปตรงกับใครบางคนเข้าบ้าง คงจะเกิดประโยชน์ ไม่มากก็น้อย

หลักใหญ่ใจความ รังสรรค์เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ โดยเฉพาะเรื่องของ “สามี-ภรรยา” ที่เปรียบเสมือน “ลิ้นกับฟัน” เจอกันทีไรก็มีอันต้องบรรลัยทั้งสองฝ่าย ยิ่งถ้าเผลอไปกัดลิ้นตัวเอง ย่อมเจ็บ และสูญเสีย!!! ซึ่งเรื่องเฉกเช่นนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับทุกครอบครัว เพราะมันอันตรายเกินเยียวยา แต่ถ้าอยู่กันด้วยเหตุผล เรื่องร้ายๆก็เบาบางลงได้!!!

ยิ่งถ้ามองในมุมวิถีธรรมชาติ ชีวิตในครอบครัวผัวเมีย ย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ให้มองเป็นเรื่องปกติ “ร้อนมาก็เย็นไป อย่าไปเถียง อย่างไปกระพือพัด หรือสุมไฟให้เกิดเพลิง”

เนื่องเพราะเรื่องของผัวๆเมียๆ ที่มีปัญหาส่วนใหญ่แล้ว ประเด็นหลักมักเกิดจากสามีตัวดี ที่ชอบแอบไปมีเมียน้อย ไปมีกิ๊ก ไปเที่ยวผู้หญิง เที่ยวคาราโอเกะ ไปอาบอบนวด ไปนวดแผนโบราณ เป็นต้น

แล้วก็เหล่าภรรยาทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นลูกศิษย์ของอาตมาทั้งสามีและภรรยา ต่างแห่แหนกันมาที่วัด เข้ามาร้องเรียน “ฟ้องพระ” เพื่อขอคำปรึกษาแนะนำ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ทุกข์ใจ

บางคนถึงขนาดเคยคิดสั้น คิดจะฆ่าตัวตาย หนีจากโลกนี้ไปเลยก็มี บางคนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายซูบผอม สุขภาพทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด

ฉากชีวิตของบรรดาภรรยา พอถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า น่าจะเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุด ทุกข์ระทมแสนสาหัสเกินบรรยาย

ภรรยาที่มาขอคำปรึกษาจากอาตมา ต่างเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงนานาหลายประการ เช่น “แรกๆ ก็ปกติดีล่ะ เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้านตรงเวลา ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เสมอต้นเสมอปลาย เป็นผู้ชายที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีมโนธรรมสูง ขยันเอาใจใส่ลูกเมีย....” ภาพนี้หลายคู่จำได้ติดตา

แต่พอนานไป วันเวลาแปรผัน เหตุการณ์ล่วงเลย ฝ่ายชายเริ่มมีพฤติกรรม แปลกๆ เริ่ม กลับบ้านผิดเวลา อ้างงานยุ่ง ทำตัววุ่นวาย มีงานด่วนประจำ เดี๋ยวก็เจ้านายเรียกประชุม เป็นมุขที่ใช้บ่อย จนเมียเริ่มสงสัย!?!

สามีบางรายใช้กลเม็ด อ้างสารพัด จริงบ้าง โกหกบ้าง จับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่พอจนมุม ก็ทำเป็นโวยวาย โมโห ด่าใส่ แล้วก็พาลหนีออกจากบ้าน ไปกินเหล้าเมายา และสบโอกาส อาศัยสถานการณ์ หาเรื่องไม่กลับบ้าน พาลให้เป็นประเด็นเลิกราในที่สุด

นี่คือเรื่องจริงที่บรรดาศรีภรรยาหลายๆคน ที่เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ เล่าให้อาตมาฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องคล้ายๆกัน มากี่คนก็ออกแนวนี้ มีข้อสรุปตรงกันคือ สามีแอบไปมีเมียน้อย ส่วนใหญ่แล้วถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แล้วก็มักไม่ยอมรับความจริง หนีปัญหา

เมื่ออาตมาได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก็พยายามสาธยายเทศน์เตือนสติไปว่า อย่าโวยวาย โมโห อย่ากริ้วจนลืมตัว เพราะการใช้อารมณ์ ไม่ใช่หนทางแก้ไขที่ถูกต้อง นิ่งๆใช้สมาธิ มองโลกในแง่ดี “คิดบวก” อย่าทำร้ายตัวเอง ด้วยการประชด

หัวใจสำคัญเมื่อรู้แล้วว่าผัวแอบไปมีเมียน้อย ควรเริ่มจากการตั้งสติ ทำจิตทำใจให้สงบนิ่ง สยายใจให้กว้าง อย่าโวยวาย ค่อยๆพูดจา ใช้เหตุผล ให้อภัย เสียสละ มีเมตตา ยึดหลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา....

แต่ส่วนใหญ่แล้ว ตอนฟังอาตมาแนะนำ ก็รับปากรับคำเสียดิบดี เป็นมั่นเหมาะ ว่าจะทำตามที่หลวงพ่อหลวงพี่สอนสั่ง แต่พอกลับไปบ้านแล้วไซร้ ไฉนหน้ามือจึงเป็นหลังมือ เจอหน้าสามี ออกอาการผีเข้าของขึ้น ข่มใจไว้ไม่อยู่ ด่าแหลกแล้วแหกค่าย เลยก็มี

และจากนั้นเมื่อผ่านวันเวลาวิปโยคไปแล้ว เมื่อมาหาอาตมาอีก อาตมาจึงต้องพลิกตำราให้คาถาสยบผัว โดยย้ำว่า การใช้ความรุนแรงทางวาจานั้น ย่อมไม่เกิดผลดี อย่างแน่นอน ยิ่งจะทำให้มีแต่ผลลบ และสุดท้ายก็ทำให้วิถีชีวิตแตกแยก ร้าวฉาน ครอบครัวที่เคยมีความสุข มีความอบอุ่น ส่งผลให้คนในบ้านเศร้าหมองไม่น่าอยู่ ลูกๆเริ่มคิดมาก กลายเป็นเด็กมีปัญหา

ลูกไปทาง แม่ไปทาง ลูกก็ไปชิงสุกก่อนห่าม ติดยาเสพติด ติดผู้ชาย ไม่เรียนหนังสือ แม่ก็ไปเข้ากลุ่มเพื่อน ติดเล่นการพนัน ไปเที่ยวผู้ชาย ติดเหล้า ไปมีชู้ ไปเชื่อหมอเดา ไปทำเสน่ห์ยาแฝด ไปถูกพวกทำคุณไสย หลอกให้เสียเงินเสียทอง เพื่อหวังจะเรียกให้ผัวกลับมา

เรื่องราวบานปลาย เพราะความที่ไม่ยอมหันหน้าเข้าหากัน ไม่ยอมรับความจริง ไม่คิดแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาด ไม่เคยแก้ไขในข้อบกพร่องของทั้ง 2 ฝ่าย ที่เคยประพฤติผิด และที่สำคัญต้องเลิกโทษกันเอง ไม่ต้องไปถามว่าทำไมเขาถึงคิดนอกใจ ลองถามตัวเองเสียก่อนว่า ที่ผ่านมาเราบกพร่องตรงไหน!!!

และถ้าไปเจอสามีประเภท “กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” ก็ควรทำใจจำนน ด้วยเหตุผลที่ว่า ในเมื่อถ้าเขายังกลับบ้านทุกวัน ให้เงินส่งเสียตลอดทุกเดือน ดูแลลูกเมียอย่างดีถ้าภาคปฏิบัติครบถ้วนทุกข้อตามนี้ ก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรอีกแล้ว หันมาสนใจเลี้ยงลูกของเราให้ดี มีคุณภาพ รักลูกให้มากๆ อยู่กับลูก ปั้นลูกของเราให้เป็นคนดีมีศีลธรรม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว “สุดท้ายผู้ชาย พอหมดฤทธิ์ ก็กลับมาตายรังทุกราย เชื่ออาตมาเถอะ ไม่มีสิ่งใดในโลกใบนี้ สู้ความดีของเมียได้อย่างแน่นอน”

หัวใจสำคัญควรหันมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ “ปลุกต่อมมโนธรรมทั้งผัวและเมียให้เกิดสำนึก” เพื่อลูกที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า ช่วยกันสร้างสรรค์ตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น พ่อแม่ไม่ควรเห็นแก่ตัว จนลืมคนใกล้ชิด ปมปัญหามีไว้แก้ไข “โลกมีไว้เหยียบและก้าวย่างเดินไปข้างหน้า มิได้มีไว้แบกให้หนักกายหนักใจ” ไม่ใช่เมื่อเกิดเรื่องแล้ว ก็ไปผูกปมเพิ่มขึ้นอีก จนแก้ไม่ได้ กลายเป็นมะเร็งร้าย ที่รอวันตาย!!!

บางราย บางคู่ อาตมาเรียกมาคุยพร้อมหน้ากันทั้ง 3 คน พ่อ แม่ ลูก พยายามชี้ให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของการทะเลาะเบาะแว้ง ปมชนวนปัญหาต่างๆ และสอนย้ำว่าไม่ต้องไปสาวไส้ว่ามันเกิดจากใครเป็นผู้ก่อ!!!

สอนให้ทิ้งเรื่องร้ายไปให้หมด โดยมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ “ล้างและขัดสนิมในใจ ให้เป็นเหล็กที่มีแต่ความเป็นเงามันวาว ใช้น้ำมันชโลมป้องกันสนิมที่จะเกิดขึ้นใหม่ เรียกว่ากันไว้ก่อนด้วยความไม่ประมาท”
สอนให้เชื่อเรื่องบทเรียน พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มาเริ่มรักกันใหม่ ให้เหมือนเมื่อคราวหนุ่มสาวแรกจีบ นึกถึงวันวานที่ยังหวานอยู่ นึกถึงความสุข ที่เคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา “พ่อ แม่ ลูก”
พอเลิกงานกลับมาบ้าน ก็กินข้าวเย็นร่วมกัน สนุกสนาน ใจบานไม่รู้โรย



ถ้าทำได้เยี่ยงนี้ ผู้ชายที่เป็นสามี คงไม่ต้องไปแสวงหาส่วนเกินที่ไหนอีกแล้ว เพราะความสุขสูงสุดสุดท้าย อยู่ที่บ้านของเรานั่นเอง...ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม