ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สาวใหญ่กลุ้มใจ ‘เลี้ยงลูกไม่ได้ดั่งใจ’
สงสัยกรรมเก่า? เคยแย่งสามีเขามา
หรือที่เคยทิ้งผู้ชาย- ส่งผลตามสนอง
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน เมื่อเร็วๆนี้มีโยมสีกา โทร.มาจากสวิตเซอร์แลนด์ มีปัญหาคาใจ ถามไถ่เล่าความทุกข์

โยมกลุ้มใจเรื่องลูกชาย พูดอะไรไม่เชื่อฟัง ทั้งที่โตเป็นหนุ่ม เรียนจบปริญญาตรี แต่ทำตัวเหมือนเด็ก โยมสงสัยใช่กรรมเก่าหรือไม่ เพราะอดีตเคยทำไม่ดีไว้พอสมควร

โยมเล่าสมัยยังสาว เสน่ห์แพรวพราว บาดใจชายหนุ่ม แต่ก็เคยผิดพลาด ไปหลงรัก คนที่เขามีคู่อยู่แล้ว สมัยนั้นต้องการเอาชนะ จึงแย่งเขามา พอสมใจอยาก อยู่ด้วยกันไม่นาน เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ผู้ชายในฝัน พอแย่งมาสะใจ สุดท้ายก็ทิ้ง

ชั่วโมงนั้น ไม่สนเรื่องเวรกรรม ไม่กลัวบาปกรรมใดๆทั้งสิ้น เมื่อทิ้งแฟนคนแรก ชีวิตผันแปร พบรักหนุ่มชาวอังกฤษ แต่ความรักไม่ราบรื่น ทั้งที่หนุ่มคนนี้ รักโยมมาก รู้สึกเบื่อหน่าย ตัดสินใจทิ้งหนุ่มเมืองผู้ดี ปรากฏว่า เขาไปโดดตึกตาย ที่พัทยา

ชีวิตรักยังไม่จบ เจอหนุ่มฝรั่งเศส เตรียมจะไปแต่งงาน อีก 3 วันจะบิน เขาบอกไปไม่ได้ เพราะมีครอบครัวแล้ว ทุกอย่างจบเห่ ความฝันพังทลาย

ละครชีวิตจริง เรื่องนี้ยังไม่จบ จากนั้นโยมมีโอกาสไปเที่ยวทะเลชะอำ ได้พบกับหนุ่มใหญ่ชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่งงานตามประเพณี อยู่ด้วยกันจวบจนวันนี้ 7 ปี

นับเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เพราะเขาเป็นคนดีมาก แต่ที่โทร.มาหาหลวงพี่วันนี้ กลุ้มใจเรื่องลูกชาย รู้สึกท้อใจ ลูกไม่สนใจการงาน ว่าเตือนไม่เชื่อฟัง อยากถามหลวงพี่ นี่ใช่กรรมเก่าหรือไม่?

ก่อนอื่นโยมต้องตั้งสติให้ดี จากที่อาตมาลำดับเหตุการณ์ วันนี้ชีวิตโยมดีมากแล้ว ได้สามีดี เป็นคนดี รักโยมมาก ถือว่าโชคดี ควรใช้ชีวิตให้มีความสุข

สำหรับเรื่องลูกชายอย่าไปเครียดให้มากจนเกินไป เขาโตแล้ว มีการศึกษา มีสติปัญญา ต้องค่อยๆสอน อบรมเขาไป อย่าไปกังวน ถ้าโยมทุกข์ คนที่แย่คือโยม เพราะเวลาที่โยมทุกข์ไม่มีใครมาร่วมทุกข์ด้วย ความทุกข์ไม่ได้สร้างประโยชน์อันใดให้ร่างกายและจิตใจ มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต


ควรดูแลสามี ดูแลตนเอง รักษาสุขภาพ หาความสุขให้กับชีวิต เรื่องเก่ามันผ่านไปแล้ว ใช้ชีวิตในวันใหม่ อยู่กับความจริง และสิ่งที่อาตมาอยากจะฝากไปยังญาติโยมทุกท่าน ที่มีความทุกข์เรื่องลูก ให้มองเป็นเรื่องธรรมดา ต้องทำใจ ปัญหานี้บอบบาง หากแก้ไม่ถูกทาง อาจลุกลามบานปลาย “ลูกชายหนีเตลิด” 

ก่อนอื่นโยมต้องเข้าใจคนวัยหนุ่ม คิดย้อนไปถึงตอนที่โยมเป็นวัยรุ่น แล้วค่อยหาสาเหตุว่าทำไมลูกโยมถึงเป็นเช่นนี้?

สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ลูกดื้อ เกเร แหกคอก และนิสัยไม่ดี คือ “ขาดความอบอุ่น” 

โยมให้ความอบอุ่นเขาดีแค่ไหน หรือปล่อยปละละเลยไม่สนใจ แต่พอทำผิดมาก็เอาแต่ด่า ทับถมซ้ำเติม ไม่ค่อยมีเวลาให้เขา มัวแต่ทำงาน วัยรุ่นที่เสียคนส่วนมากรับสารภาพว่า “เขาขาดความอบอุ่นในครอบครัว” “พ่อแม่ไม่สนใจ”

ขาดที่พึ่ง วัยรุ่นส่วนมากต้องการที่พึ่งทางใจ เขายังใหม่ต่อโลก มักมีปัญหา สงสัย อยากรู้อยากเห็นอยากลอง อยากเท่ห์ เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่พ่อแม่ต้องดูแล หากพ่อแม่เป็นที่พึ่งไม่ได้ ก็หันไปหาเพื่อน หันไปพึ่งยาเสพติด พึ่งแหล่งบันเทิงเริงรมย์ ด้วยคิดว่านี่เป็นที่พึ่งที่สบายใจ

ขาดคนเข้าใจ “แม่ไม่เข้าใจผม” คุยกันคนละภาษา ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน และบางครั้งความรักความห่วงใยที่พ่อแม่ให้มากเกินไป อาจทำให้เขารำคาญหงุดหงิดเหมือนถูกลิดรอนเสรีภาพ

บางครั้งโยมต้องผ่อนปรนและปล่อยเขาบ้าง ให้เขาได้ทำอะไรตามจิตนาการ ให้เขาได้ออกไปเที่ยวในโลกกว้าง เดี๋ยวเขาจะคิดได้เอง

จงจำคาถาในการเลี้ยงลูกบทนี้ไว้ให้ดี จงภาวนาทุกวัน และปัญหาของโยมจะคลี่คลายลงได้ “น้ำเย็น หมูยอ กอไผ่ ใส่เตา ๆๆๆ”

น้ำเย็น
 อากาศร้อนหากได้น้ำเย็นสักแก้วจะสบายและผ่อนคลายมาก วัยรุ่นวัยหนุ่มเป็นวัยร้อน เมื่อลูกร้อนมา โยมก็ต้องเย็นไป โยมต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดจาด้วยอารมณ์เยือกเย็น ไม่วู่วาม ไม่ด่าว่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคาย และไม่ด่วนลงโทษ เมื่อเขาทำผิดพลาดครั้งแรก โยมต้องชี้แจงให้ลูกฟังด้วยเหตุผล ด้วยจิตเมตตา แสดงอาการเห็นอกเห็นใจ แนะนำไปว่าอะไรควรไม่ควร

หมูยอ คำชมหรือคำยอใครก็ชอบ พ่อแม่ต้องรู้จักยอลูกบ้าง เป็นกำลังใจให้เขา

กอไผ่ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องกำราบบ้าง

ใส่เตา เมื่อโยมเฝ้าพร่ำสอนและทำทุกวิถีทางแล้วแต่เขาไม่ได้ดีขึ้นหรือไม่ได้ปรับปรุงตัวขึ้นเลย ก่อนจะใช้วิธีสุดท้ายนี้ -ลองใช้วิธีของพระพุทธเจ้าที่สอนพระฉันนะ ที่ดื้อรั้นสอนไม่ฟัง คือ การลงทัณฑ์กรรม หรือคว่ำบาตร ไม่สนใจใยดี ปล่อยวางอารมณ์ ขนาดพระพุทธเจ้ายังสอนไม่ได้ทุกคนเลย ประสาอะไรกับเราปุถุชน ใส่เตาเผาสะเลย แค่เลือดก้อนเดียว อุตส่าห์เลี้ยงให้เป็นคนดีแต่ไม่อยากดีก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยไปตามเวรกรรมเขาต้องมีโลกของเขาที่ต้องเผชิญเมื่อเขาเลือกวิถีชีวิตของเขาเช่นนั้นก็จงให้อิสระในการเลือกแก่เขา

“ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว” แต่ก่อนจะใส่เตาเผา โยมต้องไว้อาลัยด้วยการระลึกถึงหน้าที่ของความเป็นพ่อแม่ ว่าโยมได้ทำเต็มที่ หรือทำได้ดีพอหรือยัง คือหน้าที่ทางกายกับหน้าที่ทางใจสอนลูกไม่ให้ทำชั่ว แนะนำให้ลูกทำความดี ส่งเสริมตามสติปัญญา ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม

หากโยมได้ทำหน้าที่มาอย่างสมบูรณ์ดีแล้ว ส่วนเขาจะเป็นไปอย่างที่โยมหวังหรือไม่ ได้ดั่งใจหรือไม่ มันก็สุดแล้วแต่วาสนาโชคชะตาเวรกรรมของเขา ส่วนโยมก็ต้องอุเบกขา คือปล่อยวางลงให้ได้ หากคิดมากไปก็รังแต่จะทุกข์กังวลใจเปล่าๆ

และที่สำคัญโยมควรแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ลูกบ้าง เผื่อบางทีอาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย!!!...ขอเจริญพร



พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม