ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เมียมีแล้ว ไม่วาย อยากลองของแปลก
ปล่อยใจ ใช้ชีวิต ‘ระเริงตัณหา ราคะ’
ดวงตาพร่ามัว เห็นกงจักร เป็นดอกบัว
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน จุดไฟในใจคน ฉบับนี้อาตมานำเสนอ ซีกหนึ่งของชีวิตลูกศิษย์ท่านหนึ่ง โยมเล่าขานประสบการณ์จริง จากปาก ยอมรับสภาพความเป็นสาวประเภทสอง ที่อยากมีชีวิตเหมือนหญิงทั่วไป

ตัดสินใจทำศัลยกรรมหลายครา เพื่อให้ใบหน้า ร่างกาย เหมือนกับสาว ยันทำทุกอย่าง… เมื่อความงามบรรเจิด ชีวิตเปลี่ยน จากเย้ยหยันกลายเป็นคำชม

แน่นอนเมื่อรูปเปลี่ยน เรื่องชายหนุ่ม ย่อมมีเข้ามา แต่การเข้ามาล้วนหลากช่อง ทั้งจากสถานบันเทิง ท้องถนน และที่นิยมสุดคือโซเชียลมีเดีย ทางสะดวกและง่ายต่อการหาคู่

การดำเนินชีวิต มีประเด็นน่าสนใจ โยมเอ่ยถึงชายที่มีภรรยาแล้ว

จากนั้นก็เข้ามาขอหลับนอน เพราะอยากลองของแปลก โลกของโซเชียลมีเดีย ต้องอาศัยพื้นที่ ไม่ห่างไกลกันนัก

ฉะนั้นจึงมีการนัดพบ เพื่อหลับนอน เขาเป็นชายอายุ 36 ปี ดูดีมากๆ ตามอุดมคติ

โยมตัดสินใจนอนกับเขา ด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย

ฝ่ายชายมีความต้องการเป็นอย่างมาก ยืนยัน “เมียทำไม่ได้แบบนี้”

เมื่อสนองกันเรียบร้อยแล้ว ติดใจ เริ่มนัดเจอบ่อยขึ้น จากนั้นเริ่มมีข้อเสนอ “ออกมานะ พี่ให้ 2000” โยมเลยไม่รอช้า ตกลงเขาไป เพราะอยากได้เงินไปทำสวยเพิ่ม เป็นการต่อทุน

หลังจากวันนั้นก็มักจะทักทาย และชวนออกมาเจอกันอยู่บ่อยๆ ทานข้าวกันบ้าง ขับรถเที่ยวกันบ้าง แต่ทุกครั้งต้องสนอง เขามีความต้องการสูง ส่วนโยมต้องการเงินจึงเป็นการแลกเปลี่ยนกันไป

ตั้งแต่วันแรกที่โยมได้พบกับพี่เขา จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 4 เดือน นี่คือคำสารภาพจากสาวประเภทสอง ที่แฉความนัย ถามหลวงพี่ว่าผิดหรือไม่ ที่ทั้งคู่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้

อาตมาตอบ ใครๆ ก็รู้ว่าการละเมิดพฤติกรรมทางเพศ นอกใจผัวหรือเมีย ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี แต่กระนั้นคนก็ยังพากันละเมิดและสร้างปัญหาไม่รู้จบ

ปัญหามือที่ 3 ในสังคมไทย สาเหตุที่คนชอบมีกิ๊กมีชู้ ในความเห็นส่วนตัวอาตมา คิดว่าเกิดจากปัจจัยหลักๆคือขาดความละอายชั่วกลัวบาป ขาดสติสัมปชัญญะ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย

ที่สำคัญได้รับอิทธิพลตะวันตก มองการมีเพศสัมพันธ์ หรือนอกใจคนรักเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกัน

รวมถึงพลังทางศีลธรรมในสังคมไทยอ่อนแอ โดยเฉพาะความเชื่อในระบบ ทำดีได้ดี หรือทำชั่วได้ชั่ว หรือกฎแห่งกรรม มีความจืดจางลงไปมาก ในทัศนะของอาตมา ปัจจัยทั้งหมดนี้คือต้นเหตุ ทำให้การละเมิดจริยธรรมทางเพศมีมากขึ้น และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย

ลำพังแค่การคิดนอกใจเมียถือว่าไม่ผิด แต่ถือว่าไม่ควร ไม่ผิดเพราะยังไม่มีการลงมือ แต่ไม่ควรเพราะการคิดเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรม คนเราทำเพราะว่าเราคิด โยมคิดอย่างไรโยมก็จะทำอย่างนั้น

ฉะนั้นเมื่อโยมเริ่มมีความคิด แนวโน้มที่จะละเมิดมันได้เกิดขึ้นแล้วในใจของโยม ทันทีที่คิด โยมต้องรู้เท่าทัน และพาตัวเองออกมาจากสภาพความคิดเช่นนั้นให้ได้

ผู้ที่ละเมิดจริยธรรมทางเพศต่อคู่ครองและคู่รักของตนนั้น ย่อมได้รับผลกรรมแน่นอน เฉกเช่น ผลทางจิตใจคือทุกข์ ผลต่อตัวตนเป็นวัวสันหลังหวะ ผลต่อครอบครัว ร้าวฉาน แตกแยก และหย่าร้างในที่สุด ผลทางสังคมถูกนินทา โพนทะนา เสื่อมเสียทั้งชีวิต มีผลทางการงาน อาจถูกบริษัทเรียก ไปถึงขั้นไล่ออก
ฉะนั้นอาตมาฟันธงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถือว่าผิดทั้งคู่ ผิดมาก เพราะขาดจิตสำนึก ก่อนคิดนอกใจ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หมิ่นเหม่ละเมิดจริยธรรมทางเพศ เพราะว่าเด็กมันยั่ว หรือว่าใจตรงกัน หรือสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยก็ตาม

ถ้าโยมกำลังยืนอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อ เท้าของโยมข้างหนึ่งเหยียบอยู่ในนรก ข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนสวรรค์ ขอให้ถามตัวเองก่อนว่า

พร้อมที่จะยอมรับผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไหม ถามตัวเองว่ามั่นใจไหมว่า สิ่งที่โยมจะกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ทุกขั้นตอน ถามตัวเองว่าโยมพร้อมไหมที่จะรับผลกรรมซึ่งจะตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบัน อนาคตหรือแม้กระทั่งในภพหน้า


ความลับไม่มีในโลก พร้อมหรือไม่ ถ้าหากลูกเมีย เกิดรู้ว่าโยมคบคิดทรยศต่อเมีย โยมพร้อมที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติคุณที่สั่งสมมาตลอดชีวิตหรือไม่

เตือนไว้ ณ จุดนี้ รีบวางมือ ไตร่ตรองมองตน อย่าสูญเสียสามัญสำนึก สูญเสียเงิน สูญเสียเมีย สูญเสียงาน สุดท้ายคือได้สูญเสียความชอบธรรม ที่จะเป็นมนุษย์ที่ดีกับเขาไปแล้ว

สาเหตุสุดท้ายในมุมมองของอาตมา ที่สถาบันครอบครัว มีปัญหาแตกแยกหย่าร้างสูง เนื่องมาจาก คนเราขาดคุณสมบัติ ขาดความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน

ห้วงแรกรักต่างก็รักและภักดีต่อกัน พอมาเป็นสถาบันครอบครัว ความรักนั้นจืดจางลงไปตามวันเวลา

ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องซ่อนเร้นระหว่างกัน แทนที่จะรักเดียวใจเดียว ก็เป็นรักคนเดียว แต่ว่ามีคนอื่นสำรองเอาไว้

มนุษย์เรานั้นทันทีที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน เค้าลางแห่งความหายนะมันก็เริ่มต้น


ขาดความอดทน ที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกัน พอแต่งงานอยู่กินด้วยกัน แล้วมีปัญหาชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใดก็ตาม อยู่ร่วมกันแล้วมีแต่ความทุกข์ มีแต่ปัญหา มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายใจ ซึ่งในขณะที่ใช้ชีวิตโสดไม่เป็นอย่างนั้นก็เริ่มรับไม่ได้ พอรับไม่ได้ แล้วสั่งสมเกินขีดอดทน สุดท้ายก็เลิกร้างห่างเหินกันไป ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน


ขาดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วพอมีปัญหาแทนที่จะยืดหยุ่น แทนที่จะมีการปรับตัว แทนที่จะมีการให้โอกาส

ต่างฝ่ายต่างก็ถือเอาอัตตาหรือตัวตนของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมเรียนรู้ไม่ยอมฟังกัน เมื่อไม่ยอมยืดหยุ่น ต่างคนก็ต้องต่างไป ทางใครทางมันเช่นเดียวกัน

ขาดการเข้าใจในการสื่อสารระหว่างกันและกัน เมื่อปัญหา ไม่ยอมเจรจาสันติภาพ ใช้วิธีนิ่ง ใช้วิธีนินทา ใช้วิธีสร้างโลกของตัวเองซ้อนขึ้นมาในโลกของครอบครัว เมื่อไม่สื่อสารกัน ปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหา

สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์รุนแรงถึงที่สุด ก็ต้องเลิกรากันไป หลายคนที่เลิกร้างกันไป ไม่ใช่หมายความว่าไม่รักกัน แต่ขาดการเจรจาหรือขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน

ฉะนั้นใครก็ตามอยู่กันเป็นครอบครัว ควรจะนำหลักธรรมดังกล่าวไปลองประยุกต์ใช้ในชีวิตให้มากที่สุด ดวงตาอย่าพร่ามัว “อย่าเห็นกงจักร เป็นดอกบัว”

หลักธรรมนี้เปรียบเสมือนน้ำ น้ำนั้นทำทุกอย่างเชื่อมหลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน

ฉันใด หลักธรรมมะก็เชื่อมคนในครอบครัวให้อยู่ด้วยกันอย่างสนิมสนมกลมเกลียวด้วยกันฉันนั้น 

ขอเจริญพรเจริญพรญาติโยมทุกท่าน จุดไฟในใจคน ฉบับนี้อาตมานำเสนอ ซีกหนึ่งของชีวิตลูกศิษย์ท่านหนึ่ง โยมเล่าขานประสบการณ์จริง จากปาก ยอมรับสภาพความเป็นสาวประเภทสอง ที่อยากมีชีวิตเหมือนหญิงทั่วไป
ตัดสินใจทำศัลยกรรมหลายครา เพื่อให้ใบหน้า ร่างกาย เหมือนกับสาว ยันทำทุกอย่าง… เมื่อความงามบรรเจิด ชีวิตเปลี่ยน จากเย้ยหยันกลายเป็นคำชม

แน่นอนเมื่อรูปเปลี่ยน เรื่องชายหนุ่ม ย่อมมีเข้ามา แต่การเข้ามาล้วนหลากช่อง ทั้งจากสถานบันเทิง ท้องถนน และที่นิยมสุดคือโซเชียลมีเดีย ทางสะดวกและง่ายต่อการหาคู่

การดำเนินชีวิต มีประเด็นน่าสนใจ โยมเอ่ยถึงชายที่มีภรรยาแล้ว

จากนั้นก็เข้ามาขอหลับนอน เพราะอยากลองของแปลก โลกของโซเชียลมีเดีย ต้องอาศัยพื้นที่ ไม่ห่างไกลกันนัก

ฉะนั้นจึงมีการนัดพบ เพื่อหลับนอน เขาเป็นชายอายุ 36 ปี ดูดีมากๆ ตามอุดมคติ

โยมตัดสินใจนอนกับเขา ด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย

ฝ่ายชายมีความต้องการเป็นอย่างมาก ยืนยัน “เมียทำไม่ได้แบบนี้”

เมื่อสนองกันเรียบร้อยแล้ว ติดใจ เริ่มนัดเจอบ่อยขึ้น จากนั้นเริ่มมีข้อเสนอ “ออกมานะ พี่ให้ 2000” โยมเลยไม่รอช้า ตกลงเขาไป เพราะอยากได้เงินไปทำสวยเพิ่ม เป็นการต่อทุน

หลังจากวันนั้นก็มักจะทักทาย และชวนออกมาเจอกันอยู่บ่อยๆ ทานข้าวกันบ้าง ขับรถเที่ยวกันบ้าง แต่ทุกครั้งต้องสนอง เขามีความต้องการสูง ส่วนโยมต้องการเงินจึงเป็นการแลกเปลี่ยนกันไป

ตั้งแต่วันแรกที่โยมได้พบกับพี่เขา จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 4 เดือน นี่คือคำสารภาพจากสาวประเภทสอง ที่แฉความนัย ถามหลวงพี่ว่าผิดหรือไม่ ที่ทั้งคู่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้

อาตมาตอบ ใครๆ ก็รู้ว่าการละเมิดพฤติกรรมทางเพศ นอกใจผัวหรือเมีย ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี แต่กระนั้นคนก็ยังพากันละเมิดและสร้างปัญหาไม่รู้จบ

ปัญหามือที่ 3 ในสังคมไทย สาเหตุที่คนชอบมีกิ๊กมีชู้ ในความเห็นส่วนตัวอาตมา คิดว่าเกิดจากปัจจัยหลักๆคือขาดความละอายชั่วกลัวบาป ขาดสติสัมปชัญญะ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย

ที่สำคัญได้รับอิทธิพลตะวันตก มองการมีเพศสัมพันธ์ หรือนอกใจคนรักเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกัน

รวมถึงพลังทางศีลธรรมในสังคมไทยอ่อนแอ โดยเฉพาะความเชื่อในระบบ ทำดีได้ดี หรือทำชั่วได้ชั่ว หรือกฎแห่งกรรม มีความจืดจางลงไปมาก ในทัศนะของอาตมา ปัจจัยทั้งหมดนี้คือต้นเหตุ ทำให้การละเมิดจริยธรรมทางเพศมีมากขึ้น และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย

ลำพังแค่การคิดนอกใจเมียถือว่าไม่ผิด แต่ถือว่าไม่ควร ไม่ผิดเพราะยังไม่มีการลงมือ แต่ไม่ควรเพราะการคิดเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรม คนเราทำเพราะว่าเราคิด โยมคิดอย่างไรโยมก็จะทำอย่างนั้น

ฉะนั้นเมื่อโยมเริ่มมีความคิด แนวโน้มที่จะละเมิดมันได้เกิดขึ้นแล้วในใจของโยม ทันทีที่คิด โยมต้องรู้เท่าทัน และพาตัวเองออกมาจากสภาพความคิดเช่นนั้นให้ได้

ผู้ที่ละเมิดจริยธรรมทางเพศต่อคู่ครองและคู่รักของตนนั้น ย่อมได้รับผลกรรมแน่นอน เฉกเช่น ผลทางจิตใจคือทุกข์ ผลต่อตัวตนเป็นวัวสันหลังหวะ ผลต่อครอบครัว ร้าวฉาน แตกแยก และหย่าร้างในที่สุด ผลทางสังคมถูกนินทา โพนทะนา เสื่อมเสียทั้งชีวิต มีผลทางการงาน อาจถูกบริษัทเรียก ไปถึงขั้นไล่ออก

ฉะนั้นอาตมาฟันธงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถือว่าผิดทั้งคู่ ผิดมาก เพราะขาดจิตสำนึก ก่อนคิดนอกใจ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หมิ่นเหม่ละเมิดจริยธรรมทางเพศ เพราะว่าเด็กมันยั่ว หรือว่าใจตรงกัน หรือสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยก็ตาม

ถ้าโยมกำลังยืนอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อ เท้าของโยมข้างหนึ่งเหยียบอยู่ในนรก ข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนสวรรค์ ขอให้ถามตัวเองก่อนว่า

พร้อมที่จะยอมรับผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไหม ถามตัวเองว่ามั่นใจไหมว่า สิ่งที่โยมจะกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ทุกขั้นตอน ถามตัวเองว่าโยมพร้อมไหมที่จะรับผลกรรมซึ่งจะตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบัน อนาคตหรือแม้กระทั่งในภพหน้า

ความลับไม่มีในโลก พร้อมหรือไม่ ถ้าหากลูกเมีย เกิดรู้ว่าโยมคบคิดทรยศต่อเมีย โยมพร้อมที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติคุณที่สั่งสมมาตลอดชีวิตหรือไม่

เตือนไว้ ณ จุดนี้ รีบวางมือ ไตร่ตรองมองตน อย่าสูญเสียสามัญสำนึก สูญเสียเงิน สูญเสียเมีย สูญเสียงาน สุดท้ายคือได้สูญเสียความชอบธรรม ที่จะเป็นมนุษย์ที่ดีกับเขาไปแล้ว

สาเหตุสุดท้ายในมุมมองของอาตมา ที่สถาบันครอบครัว มีปัญหาแตกแยกหย่าร้างสูง เนื่องมาจาก คนเราขาดคุณสมบัติ ขาดความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน

ห้วงแรกรักต่างก็รักและภักดีต่อกัน พอมาเป็นสถาบันครอบครัว ความรักนั้นจืดจางลงไปตามวันเวลา

ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องซ่อนเร้นระหว่างกัน แทนที่จะรักเดียวใจเดียว ก็เป็นรักคนเดียว แต่ว่ามีคนอื่นสำรองเอาไว้

มนุษย์เรานั้นทันทีที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน เค้าลางแห่งความหายนะมันก็เริ่มต้น

ขาดความอดทน ที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกัน พอแต่งงานอยู่กินด้วยกัน แล้วมีปัญหาชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใดก็ตาม อยู่ร่วมกันแล้วมีแต่ความทุกข์ มีแต่ปัญหา มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายใจ ซึ่งในขณะที่ใช้ชีวิตโสดไม่เป็นอย่างนั้นก็เริ่มรับไม่ได้ พอรับไม่ได้ แล้วสั่งสมเกินขีดอดทน สุดท้ายก็เลิกร้างห่างเหินกันไป ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน

ขาดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วพอมีปัญหาแทนที่จะยืดหยุ่น แทนที่จะมีการปรับตัว แทนที่จะมีการให้โอกาส

ต่างฝ่ายต่างก็ถือเอาอัตตาหรือตัวตนของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมเรียนรู้ไม่ยอมฟังกัน เมื่อไม่ยอมยืดหยุ่น ต่างคนก็ต้องต่างไป ทางใครทางมันเช่นเดียวกัน


ขาดการเข้าใจในการสื่อสารระหว่างกันและกัน เมื่อปัญหา ไม่ยอมเจรจาสันติภาพ ใช้วิธีนิ่ง ใช้วิธีนินทา ใช้วิธีสร้างโลกของตัวเองซ้อนขึ้นมาในโลกของครอบครัว เมื่อไม่สื่อสารกัน ปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหา

สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์รุนแรงถึงที่สุด ก็ต้องเลิกรากันไป หลายคนที่เลิกร้างกันไป ไม่ใช่หมายความว่าไม่รักกัน แต่ขาดการเจรจาหรือขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน

ฉะนั้นใครก็ตามอยู่กันเป็นครอบครัว ควรจะนำหลักธรรมดังกล่าวไปลองประยุกต์ใช้ในชีวิตให้มากที่สุด ดวงตาอย่าพร่ามัว “อย่าเห็นกงจักร เป็นดอกบัว”

หลักธรรมนี้เปรียบเสมือนน้ำ น้ำนั้นทำทุกอย่างเชื่อมหลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน

ฉันใด หลักธรรมมะก็เชื่อมคนในครอบครัวให้อยู่ด้วยกันอย่างสนิมสนมกลมเกลียวด้วยกันฉันนั้น .... ขอเจริญพร


พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม