ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

‘หล่อเลือกได้’ คลำไม่เจอหาง ฟาดดะ!!
สุดท้ายเจอตอ!! นางฟ้าในจินตนาการ
ปิดตำนานจอมเจ้าชู้ สาวกหลงเฟสบุ๊ค
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกท่าน คอลัมน์จุดไฟในใจคนฉบับนี้ อาตมาขอเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ “ศิษย์ใกล้ตัว” ที่มัวเมาหลงผิด แต่ก็มีมุมคิด ที่น่าศึกษาหาความรู้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ญาติโยมทุกท่าน สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างแน่นอน!!!

เรื่องมีอยู่ว่า ลูกศิษย์ของอาตมาท่านนี้ เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ของจังหวัดนครปฐม

กิจวัตรประจำวัน ของโยมท่านนี้ ชอบเล่นเฟสบุ๊คจีบสาว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กหนุ่มยุคปัจจุบัน และเมื่อมีการพูดคุย “ถูกใจ” ก็ต้องมีการนัดหมายเจอะเจอ เพื่อสานต่อสายสัมพันธ์อันดีงามต่อไป

สุดท้ายทั้งคู่ได้พบกัน แล้วพากันไปสถานที่นัดพบ ฝ่ายชายเมื่อได้เห็นหน้าฝ่ายหญิง -“ถึงกับผงะในความงาม”...โยมลูกศิษย์อาตมา เล่าด้วยอาการตื่นเต้น อย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นทั้งคู่คุยกันพอสังเขป โดยนิสัยผู้ชาย ย่อมต้องการสัมผัส จับโน้นจับนี่ แล้วมาจบที่ขั้นตอนสุดท้าย???

คราวนี้ฝ่ายชายผงะซ้ำสอง ตกใจกับสิ่งที่สัมผัส เพราะเธอเป็นเพศเดียวกับโยมผู้ชาย ถึงเวลานี้เป็นใครก็ไปไม่เป็น -“ช็อค ไปชั่วขณะ” พอตั้งสติได้ ฝ่ายชายจริงๆ ต้องรีบขอลา ถึงแม้ว่าใจยังนึกเสียดายใน -“ความสวย” แต่ต้องจำใจลา เพราะผิดวัตถุประสงค์ แต่ก็ยังงง เพราะเธอเหมือนผู้หญิงทุกอย่าง แม้แต่เสียงก็เหมือน แต่พอมาเจอจุดสำคัญที่ไม่ใช่!!! หนุ่มเพลย์บอยรายนี้ ถึงกับถอยทัพ เผ่นกลับบ้านแทบไม่ทัน!!!

อุทาหรณ์ของเรื่องนี้ ชี้ชัดที่ฝ่ายชาย ด้วยความเจ้าชู้ เป็นนักรัก -“หลงใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จนขาดสติ”

และเหตุที่อาตมา นำเรื่องนี้มาเล่าขาน ต้องการตำหนิฝ่ายชาย ที่ไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ ไม่ละอายชั่ว กลัวบาป สนุกเกินขอบเขตคุณธรรม

ยิ่งสังคมปัจจุบันแปรเปลี่ยน คนทั่วไปต่างหลงใหลในกามตัณหา มีแต่ความเร่าร้อน “ขาดสติสัมปชัญญะ” ไปหลงกินเหยื่อ ของธรรมชาติ เป็นทาสของอวิชชา เป็นทาสของตัณหาราคะ

โยมบางท่าน ถึงกับยอมลำบาก ให้สิ่งที่เรียกว่า -“ตัณหา” โดยเฉพาะ -“กามตัณหา” นำมาเคี้ยวกินทั้งกายและใจ หลงเป็นทาส ของ -“กามตัณหา” ยอมทนลำบาก นานาประการ เพื่อจะให้ได้มา เฉพาะเรื่องเพศ เรื่องอบายมุขโดยตรง

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า อบายมุขมี 6 อย่าง ที่เป็นหนทางแห่งความเสื่อม คือ 1.นักเลงสุรา 2.นักเลงการพนัน 3.นักเลงผู้หญิง 4.เกียจคร้านการงาน 5.คบคนพาลเป็นมิตร 6.เที่ยวกลางคืน ทั้งหมดนี้คือหนทางนำไปสู่ความหายนะ ชั่วชีวิตนี้จะหาความเจริญไม่ได้ ถ้าไม่เลิกสิ่งเหล่านี้ และที่สำคัญต้องช่วยกันเตือนสติ แต่ถ้าไม่เชื่อ คนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่กัลยาณมิตรของโยมอย่างแน่นอน

กล่าวสำหรับเรื่องของตัณหาไม่มีคำว่า “เพื่อนหรือกัลยาณมิตร” ยกตัวอย่าง เมื่อครา พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี มีมารดาและบุตร 2 คน มารดาเป็นภิกษุณี ลูกชายเป็นภิกษุ ทั้งสองใกล้ชิดกัน คลุกคลีกัน อยากเห็นกันเนืองๆ เมื่อเห็นกันเนืองๆ จึงเกิดราคะ แล้วเสพเมถุนกัน

พระพุทธองค์ทรงทราบ จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย โฆษบุรุษนั้นคิดหรือว่า มารดาจะไม่กำหนัดในบุตร หรือบุตรจะไม่กำหนัดในมารดา

ภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็นรูปอย่างอื่น แม้รูปเดียว ซึ่งจะเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด รักใคร่ มัวเมา และทำอันตราย แก่การบรรลุธรรม อันยอดเยี่ยม เหมือนรูปแห่งหญิงเลย

สัตว์ทั้งหลายกำหนัด ยินดี ใฝ่ใจ หมกมุ่น พัวพัน ในรูปหญิง เป็นผู้ตกอยู่ใต้อำนาจรูปหญิง ย่อมเศร้าโศกตลอดกาลนาน

ภิกษุทั้งหลาย หญิงเดินอยู่ก็ดี ยืน นั่ง นอน นอนหลับ หัวเราะ พูด ขับร้อง ร้องไห้ บวมขึ้น ตายแล้วก็ดี ย่อมครอบงำจิตของบุรุษได้

ภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อจะกล่าวสิ่งใดๆ พึงกล่าวโดยชอบว่า บ่วงรวบรัดแห่งมาร ก็พึงกล่าวมาตุคามนั่นแหละว่า เป็นบ่วงแห่งมารโดยชอบได้

บุคคลพึงสนทนาด้วยเพชฌฆาตก็ดี ด้วยปีศาจก็ดี พึงถูกต้องอสรพิษที่กัดตายก็ดี ก็ยังไม่ร้ายแรงเหมือนสนทนาตัวต่อตัวด้วยหญิงเลย พวกหญิงชอบผูกพันชายผู้ลุ่มหลงด้วยการมองดู การหัวเราะ การนุ่งห่มลับล่อ และการพูดจาอ่อนหวาน หญิงมิใช่ผูกพันชายเพียงเท่านี้ แม้บวมขึ้น ตายไปแล้วก็ยังผูกพันชายได้ 
กามคุณ 5 นี้ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ย่อมปรากฏในหญิง ผู้ไม่กำหนดรู้กาม ย่อมเกิดในภพน้อยใหญ่ ส่วนผู้กำหนดรู้กาม ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ย่อมข้ามฝั่งสงสารได้

ธรรมะของพระพุทธเจ้า สอนไว้เสมอ แต่ญาติโยมไม่สนใจใคร่รู้ ยิ่งทุกวันนี้สิ่งที่เป็นอุปกรณ์ทางเพศ คือความไพเราะ ความสนุกสนาน ต้องการความเอร็ดอร่อย อยากได้ ด้วยอวิชชา ทนไม่ได้กับเนื้อหนังมังสาที่ปรากฏ เพราะมันยั่วกิเลส ยั่วความอยาก บางทีมันก็ปนเป เข้ามาในใจ บางคนอยากเป็นหญิง บางคนอยากเป็นชาย อยากเป็นนั่น เป็นนี่ ที่มันไปเกี่ยวกับทางเพศ ก็มี อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยาก มีหน้ามีตา อยากเป็นผู้มีชื่อเสียง อยากเป็นผู้มีอำนาจวาสนา

แล้วก็เกิดทุกข์ ด้วยความโง่ หลงในกิเลสตัณหา หลงใหล เคลิบเคลิ้ม อยู่ในสิ่งนั้นๆ เดือดพล่าน

กาเมสุมิจฉาจาร อันบุคคลซ่องเสพแล้ว อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อนรก เป็นไปพร้อมเพื่อกำเนิดในดิรัจฉาน เป็นไปพร้อมเพื่อวิสัยแห่งเปรต วิบากของกาเมสุมิจฉาจารอย่างเบาที่สุด เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีศัตรู มีเวร ไม่เป็นที่รักของคนอื่น

ที่ผ่านมาอาตมาย้ำเสมอว่า การประพฤติผิดในกาม นอกจากจะทำให้ไม่เป็นที่รักแล้ว ยังเป็นเหตุให้บาปอกุศล ที่เคยทำไว้ในอดีตได้ช่องตามมาส่งผลถึงในภพชาติปัจจุบันอีกด้วย

ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมี ซึ่งกรรมบางอย่าง ที่แรงกล้ามาก ก็สามารถตามส่งผล จนถึงภพชาติสุดท้ายทีเดียว

เพราะฉะนั้น ดีที่สุดอย่าไปสร้างบาปกรรมอีก ให้ตั้งใจสั่งสมแต่กรรมดี อย่าประมาทในชีวิต เพราะถ้าประมาทพลั้งเผลอ การดำเนินชีวิตมีสิทธิ์ผิดพลาด

“สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอบาย ไม่พ้นวิบากกรรม”

ดีที่สุดต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บาปกรรมทั้งหลายจะได้ตามไม่ทัน ยิ่งถ้าหมดกิเลสก็หมดกรรม หยุดการเวียนว่ายตายเกิด สุดท้ายจะมีนิพพานเป็นที่ไปกันทุกคน!?!...ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม