ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โจรกลับใจ! รูปหล่อเท้าไฟ วันนี้ ‘กลัว’
‘สับขาหลอก ภรรยา’ จนวาระสุดท้าย
พอมีลูกสาว เริ่มรู้ซึ้ง! ถึง ‘วิบากกรรม’
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน คอลัมน์จุดไฟในใจคนฉบับนี้ อาตมานำเสนอเรื่องของลูกศิษย์ใกล้ชิดรายหนึ่ง หยิบยกขึ้นมา เพราะเห็นว่าลีลาของเขาไม่ธรรมดา น่าสนใจ

ที่สำคัญเรื่องแนวนี้ สามารถสะกิดต่อมสำนึก ในใจโยมให้ลุกโชนได้ ยิ่งถ้าใครเคยมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนวิถีปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิต ย่อมเกิดผลดีเพราะนี่คือตัวอย่างของการลองผิดลองถูก เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี แต่หลายคนก็เคยเป็นแบบนี้ บางคนหาทางออกไม่ได้ บางคนถอนตัวทันก็โชคดี แต่ถ้าไม่รีบถอนตัว ก็ลงนรกทั้งเป็นเช่นกัน

ซึ่งพฤติกรรมเยี่ยงนี้ อาตมาเห็นมาหมดแล้ว แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเหล่าบรรดาผู้ชายวัยคะนองทั้งหลาย กลุ่มคนพวกนี้ ล้วนมีฤทธิ์เดชมากมาย ในยามหนุ่มสาว ใช้ชีวิตท้าทาย ไม่สนใจฟ้าดิน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่กลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษ

สนใจแต่จะหาความสุข สนองตัณหาราคะไปวันๆ “กิน เล่น เที่ยว ดื่ม เสพกาม” พอตกเวลากลางคืน คนพวกนี้ ก็มักจะไปอยู่ตามร้านเหล้า ผับ เทค สนุกสนาน แดนซ์กันอย่างเมามันส์ ชนิดเท้า เป็นไฟกระจายเลยทีเดียว แต่สำหรับลูกศิษย์รายนี้ เขาเป็นนักร้อง หน้าตาดี ร้องเพลงตามร้านอาหารทั่วไป รายได้ดี มีสาวๆมาติดพันมากมาย ด้วยความเป็นคนมีเสน่ห์ พูดจาสุภาพอ่อนโยน หวานกับสาวๆทุกคน และในแต่ละวัน จะมีสาวๆหลายคน ตกเป็นเหยื่อของเขา และส่วนใหญ่ต่างเต็มใจที่จะไปร่วมหลับนอน

ลูกศิษย์ที่มีพฤติกรรมเฉกเช่นนี้ อาตมามักจะเรียกมาคอยว่ากล่าวตักเตือนเสมอ ด้วยความหวังดี แต่ก็ห้ามยาก เวลามาวัด พูดสอนอะไรไป พวกเขาเหล่านั้น ก็ทำท่าเหมือนเชื่อฟัง แต่พอลับหลังอาตมา ก็เข้าตำราเดิม คือ “หน้าไหว้ หลังหลอก” สอนเตือนไป “เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา” เด็กหนุ่มพวกนี้ “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” อาตมาก็ได้แต่ทำใจเอือมระอา แต่ลูกศิษย์พวกนี้จะยังดีอยู่อย่างหนึ่งคือ พอถึงเวลาอันสมควร เมื่อมีเมียมีลูกแล้ว พวกเขาจะหยุดไปเองโดยปริยาย

เสมือนการมีลูก เป็นการไปสร้างจิตสำนึกให้เขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สำนึกทุกคนเสมอไป บางรายพอมีเมียมีลูก ยิ่งเป็นหนักกว่าเดิม แต่ก็มีไม่มากเท่าใดนัก

สำหรับรายที่เลิกได้นี้ อาตมาเรียกศิษย์พวกนี้ว่า “พวกโจรกลับใจ” ซึ่งลูกศิษย์ท่านนี้ ทุกวันนี้เขาร้องเพลงน้อยลง เน้นมาทำมาหากิน ประกอบอาชีพค้าขายรถยนต์ ส่วนเมียคนปัจจุบัน ทำงานธนาคาร มีรากฐานมั่นคง มีลูกสาว 1คน อายุขวบกว่าๆ หน้าตาเหมือนพ่อมาก

ลูกสาวคนนี้ มีผลทำให้พ่อหยุดทุกอย่าง เมื่อเขาเห็นหน้าลูก เขาหยุดความเจ้าชู้ ถอดเขี้ยวเล็บตัดเก็บใส่กระเป๋า เฝ้ามองลูกด้วยจิตสำนึกเพราะ “กลัววิบากกรรม”ตามสนอง เขาเลิกวิถีรูปหล่อเท้าไฟ ที่เคยสับขาหลอกเมียอยู่เนืองนิจ

วันนี้โยมบอกว่า “กลัว” เพียงคำเดียวสั้นๆ ส่งชีวิตให้พลิกผัน กลับตัว กลับใจ เป็นคนใหม่ เพราะกลัวว่าเวรกรรมจะมาตกกับลูกสาว นี่คือความคิด ที่เขารู้สึกได้เอง และสารภาพบอกกับอาตมา ด้วยความสำนึกอย่างจริงใจ

อาตมาไม่ได้สอนแบบจ้ำจี้จ้ำไช เขารู้ด้วยตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ เขาหลอกสาวๆมามากมาย ด้วยกลอุบายต่างๆ ด้วยหวังจะได้เพียงเรือนร่าง มิได้สนเรื่องใจ หรือต้องการร่วมหอลงโลง ในแต่ละวันให้ความหวังฝ่ายหญิง ด้วยการหลอกมีสัมพันธ์เพียงชั่วคราว และผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาติดกับดัก “เชื่อ” เพราะอยู่ในห้วงแห่งความหลงใหล ใน “รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส”

เด็กสาววัยรุ่นส่วนใหญ่ในสังคมไทย ล้วนคิดแบบนี้ ปลื้มนักร้องศิลปินดารา อยากใกล้ชิด อยากสัมผัส อยากได้มาครอบครองเป็นของตนเพียงคนเดียว

บางคนหวังไกลไปถึงอนาคต อยากแต่งงาน อยากมีลูกร่วมกัน อยากมีทายาท เป็น “โซ่ทองคล้องใจ”

ความคิดเยี่ยงนี้ ล้วน ลมๆแล้งๆทั้งสิ้น เพราะมันคือจินตนากาลของคนชอบเพ้อ ให้ความหวังตนเองฝ่ายเดียวจนลืมตัว

สุดท้ายก็มานั่งช้ำใจ มารู้ทีหลังก็ถูกพ่อนักร้องรูปหล่อ “เจาะไข่แดง” เรียบร้อยแล้ว

สังคมไทย ต้องปรับเปลี่ยนทัศนะคติตรงนี้ โดยเฉพาะวัยรุ่น ลูกผู้หญิงทั้งหลาย การรักนวลสงวนตัว นั้นสำคัญ “อย่าชิงสุกก่อนห่าม” อาตมาต้องขอย้ำเตือนทั้งหญิงและชาย “คนเราตบมือข้างเดียวไม่ดัง” คำนี้ อาตมาสอนลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเสมอ

อย่าไปเล่นกับไฟ.... “ไฟรักคนส่วนใหญ่ บ่นว่ามันร้อน แต่ทั้งๆที่ร้อน ก็ยังแอบจุดอยู่ทุกวี่ทุกวัน”

สรุปตามความคิดส่วนตัวของอาตมา อุทาหรณ์สอนใจ ของโจรกลับใจรายนี้ ตรงกับสุภาษิตที่ว่า “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว”

สิ่งที่จะทำให้ชีวิตของญาติโยมทั้งหลายดีขึ้นหรือเลวลง ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก หากแท้ที่จริงแล้ว ล้วนแต่เกิดจากปัจจัยภายในเป็นสำคัญ
นั่นคือ เมื่อโยมทำชั่ว ชีวิตก็เป็นอัปมงคล ต่อให้เปลี่ยนเป็นนายสิริมงคล แต่หากไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากคนชั่วเป็นคนดี การเปลี่ยนภายนอกก็ไม่ช่วยอะไร!?!
และเมื่อโยมทำดี ชีวิตก็จะเป็นสิริมงคลโดยตัวของมันเอง ไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่มีคนเห็นก็ตามที

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์เป็นผู้กำหนด ชะตากรรมของตนเอง เหมือนที่มีพุทธศาสนสุภาษิตว่า

“กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามการ กระทำ”

โยมทำอย่างไร ชีวิตของโยมก็เป็นอย่างนั้น ดังหนึ่งคนก่อกำแพง ยิ่งก่อก็ยิ่งขึ้นสู่ที่สูงตามกำแพง

“คนขุดบ่อน้ำ ยิ่งขุดก็ยิ่งต่ำลงไปอยู่ในบ่อ” กล่าวให้สั้นที่สุด ชีวิตของญาติโยมทั้งหลายจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการ กระทำทางกาย วาจา และใจของโยมนั่นเอง???

ถ้าโยมทำตัวเลว ต่อให้ปลูกไม้มงคลแก้เคล็ด ชีวิตก็คงไม่ดีขึ้น และหากโยมตั้งมั่นทำแต่คุณงามความดี ต่อให้ไม่มีไม้มงคลอยู่ในบ้านสักต้น อะไรๆในชีวิตก็ต้องดีอยู่วันยังค่ำ

จะเห็นได้ว่า คนเราเกิดมานั้นมีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่แล้วแต่ใครจะเลือกปฏิบัติ เลือกที่จะเป็น จะเป็นคนดี คนชั่ว ญาติโยมเป็นคนกำหนดเองทั้งสิ้น 

เรื่องนี้โยมสามารถทำลายกำแพงกั้นศักยภาพของมนุษย์ตามหัวข้อที่ว่า เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะโยมต้องให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!?!  ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม