ร่วมบูชาวัตถุมงคล วัดไผ่ล้อม นครปฐม

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

วัยรุ่นวัยใส ‘น้องไอซ์-บิว’ บนถนนทางโค้ง
จุดไฟ‘อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ’ ไม่ยึดมั่นถือมั่น
คอลัมน์จุดไฟในใจคน ...........โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

เจริญพรญาติโยมทุกท่าน จุดไฟในใจคนสัปดาห์นี้ นำเรื่องวัยรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งอยู่บนทางโค้ง “ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต” นำมาเล่าขานเป็นอุทาหรณ์สอนใจ จะได้ไม่หมกมุ่นจนลืมตัว หลงผิด เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน

ตัวอย่างเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่วิทยาลัยอาชีวะศึกษานครปฐม เมื่อผอ. อินดา แตงอ่อน ท่านจัดงานวันเด็กแห่งชาติ นิมนต์อาตมาและพระสงฆ์วัดไผ่ล้อม ไปรับบาตรช่วงเช้า และช่วงกลางวัน จัดกิจกรรมแสดงดนตรี วันเด็กแห่งชาติและคนพันธุ์อา ต้านยาเสพติด เป็นการแสดงดนตรี วงฮิตแมน จากมูลนิธิหลวงพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

ก่อนการแสดงดนตรี ผอ.อินดานิมนต์อาตมา ฉันเพลที่ห้องทำงานของท่าน พร้อมทั้งให้เด็กนักเรียน มาประเคนภัตตาหาร

ระหว่างนั้นได้สนทนากับเด็ก ชื่อน้องไอซ์ เขาได้เล่าเรื่องความรักในวัย 19 ปี ซึ่งขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ปวส.ปี 1 และมีแฟนเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน ชื่อน้องบิว เริ่มจากการเป็นเพื่อน เพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้น ปวช.ปี1

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ผมยังไม่คิดอะไร เสมือนดูใจ เพราะคิดแบบเพื่อนจริงๆ เมื่อวันเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดก่อเป็นความรัก

พอขึ้นปวส.ปี1 มันสื่อได้ว่า เราทั้งสองรักกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่วนใหญ่จะช่วยเรื่องการเรียนมากกว่า เพราะเป้าหมายในชีวิตผมและน้องบิว ต้องการเรียนให้จบ อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ

ถึงเราจะรักกัน เป็นแฟนกัน แต่การเรียนไม่เคยเสียหาย นานๆทีก็ไปเที่ยวบ้าง ส่วนใหญ่ถ้าไปต่างจังหวัด ก็ไปกันเป็นกลุ่ม ไม่เคยไปไหนสองต่อสอง

ประทับใจมากที่สุด ตอนไปเที่ยวทะเล ผมรู้สึกดีมีความสุขมากๆ วันนั้นผมบอกรักน้องบิว อย่างเป็นทางการ
ความใกล้ชิด ความผูกพัน ความเป็นเพื่อน พออยู่ด้วยกันนานๆ ผมถูกตำหนิจากน้องบิว เรื่องความไม่เป็นผู้นำ มีนิสัยเหมือนเด็ก เขาบอก ผมยังไม่โต และเมื่อไหร่จะโตเสียที ซึ่งตรงนี้ผมก็ทราบ คือความบกพร่อง ผมพยายามแก้ไข แต่ไม่สำเร็จ เพราะส่วนตัว เป็นคนขี้เล่น ยิ้มง่าย ใจดีกับทุกคน

สุดท้ายน้องบิว ประกาศลดฐานะจากแฟน ให้เป็นได้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น สรุปเป็นเพราะผม ไม่มีความเป็นผู้นำเพียงพอ

แต่ในความรู้สึกที่ผมบอกเขาไป ทำไมน้องบิวไม่ยอมปรับมาหาผมบ้าง อยากน้อยพบกันครึ่งทางก็ยังดี แต่น้องบิวต้องการให้ผมปรับเข้าหาเขาเพียงอย่างเดียว

ถึงวันนี้ผมยังรักน้องบิวเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะโดนลดสถานะจากแฟนมาเป็นแค่เพื่อนสนิทก็ตาม

เรื่องราวของน้องไอซ์กับน้องบิว เป็นการเล่าจากฝ่ายชายเพียงฝ่ายเดียว และน้องไอซ์ก็เป็นเด็กวัยรุ่น ยังไม่มีวุฒิภาวะเต็มร้อย มีเพียงความบริสุทธิ์ใจในความรักเท่านั้น

อาตมาเมื่อได้ฟัง จึงจุดไฟให้แสงสว่าง.... ณ เวลานี้ เธอทั้งสองคน ควรคิดเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรก อนาคตยังไปอีกยาวไกล คบกันเป็นเพื่อนได้ แต่อย่าลงลึกรายละเอียด ให้มากเกินไป ควรแบ่งเวลาให้น้ำหนักด้านการเรียนดีกว่า

มองให้ไกลไปที่อนาคต มุเรียนให้จบ จะได้หางานทำ เอาตัวเองให้รอด จากนั้นก็เลี้ยงพ่อแม่ ตอบแทนบุญคุณ...

สรุปคือความห่วงใยในเพื่อน เป็นเรื่องดี แต่ต้องมีขอบเขต ถึงแม้ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ควรให้ใจแบบ “อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ” ให้ความปรารถนาดี ย่อมสุขใจทั้งสองฝ่าย ไม่มากก็น้อย

อาตมาขอแนะนำ วัยรุ่นทั้งหลายที่มีความรัก แล้วกำลังมีทุกข์ จงอย่ากลัวว่าความทุกข์นั้น จะมีตลอดไป อย่าคิดว่าไม่มีทางแก้ไข หนทางเร็วที่สุดคือ เปลี่ยนอารมณ์ ด้วยความเข้าใจ ด้วยความรู้ที่ไตร่ตรองเองได้

ในกาลามสูตรพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อด้วยเหตุ 10 อย่าง เช่นด้วยเหตุผลว่าผู้สอนเป็นครูของเรา และอื่นๆ รวมสิบประการ แต่จะให้เชื่อก็ต่อเมื่อไตร่ตรองรู้ได้ด้วยตนเองจึงเชื่อ การจะไตร่ตรองให้รู้ได้ด้วยตนเอง จะมีได้ก็ต่อเมื่อเรามีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาแล้ว ดังนั้นประสบการณ์ในอดีตจึงเป็นธรรมะที่เราตรึกตรองได้เช่นกัน

เมื่อความทุกข์ที่สุดมาถึง สิ่งที่ควรระลึกถึงมีสองสามอย่างคือ หนึ่ง อย่ากลัวว่าความทุกข์นั้นจะมีตลอดไป เพราะมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป เดี๋ยวมันก็จางไป สอง อย่าคิดว่าไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ เพราะจะมีทางแก้ไขเสมอ เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเท่านั้น สาม อย่านึกว่าต่อไปนี้เราจะไม่ได้รับสิ่งดีๆ อีก เพราะเมื่อทุกข์ผ่านไป เราจะยังมีความสุข สนุกสนาน ได้อย่างเดิมแน่นอน และสุดท้ายคือ ให้นึกถึงคนข้างหลัง ที่เขาจะต้องเศร้า ได้รับการกระทบกระเทือน จากการกระทำด้วยอารมณ์ของเรา เมื่อทุกข์ที่สุดมาถึงสิ่งที่เราต้องทำทันที ในขณะที่ยังตั้งตัวปรับใจไม่ทันก็คือ รีบหาทางเปลี่ยนอารมณ์ เมื่อเราไปเจอคนอื่นทุกข์สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือช่วยเปลี่ยนอารมณ์เขาก่อน จากนั้นสติจึงจะตามมา

ความทุกข์ที่มากสุดจะแก้ได้เร็วและง่ายที่สุด ด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ ดึงอารมณ์ออกจากสถานการณ์นั้นก่อน อาจง่ายๆ เพียงแค่ทำอะไรที่ชอบ ฟังเพลง ดูหนัง หาของอร่อยกิน ชวนเพื่อนไปเที่ยว ชวนคุยเรื่องอื่น ลืมเรื่องทุกข์ไปชั่วคราวก่อน บางทีก็เบาบางได้เอง ที่สำคัญถ้ามีเพื่อนดี จะเบาบางไปได้มากที่สุด ที่ไม่ควรทำคืออย่าไปดื่มเหล้าเบียร์ เพราะการกินเหล้าก็ดับทุกข์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่จะมีข้อเสียกว่าคือ จะยิ่งโกรธง่าย น้อยใจง่ายและโมโหง่ายกว่าเดิม และไม่มีสติยับยั้งความโกรธ หรืออารมณ์ที่รุนแรงเหล่านั้น เมื่อเปลี่ยนอารมณ์ได้ ใจจะเข็มแข็งมากพอที่จะแก้ในขั้นต่อไป
ขั้นต่อไปคือพยายามตั้งใจใช้สติคิดว่าจะแก้ได้อย่างไร อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล สายไปแค่ไหนแล้วและแก้ได้หรือไม่ ทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ถ้าแก้ไม่ได้ ขั้นสุดท้ายคือ ทำให้ใจของโยมยอมรับสิ่งนั้นให้ ได้ ใจของโยมจะยอมรับได้ คิดได้ ปลงตกได้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น นั่นเป็นเพราะในความเป็นจริง สิ่งทั้งหลายย่อมไม่ได้ดั่งใจเรา มีความไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาด้วยเหตุและปัจจัย จึงไม่สมควรที่จะไปหลงยึดมั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา หรือเป็นของของเรา สิ่งทั้งหลายไม่ได้ดั่งใจทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ต่างก็มีความทุกข์ประจำตัวประจำอยู่ทุกคนทั้งสิ้น

บางคนแฟนตายไป เสียใจแทบตายตาม ผ่านไป 3 ปี มีแฟนใหม่แล้ว มีความสุขดีมากเลย ความทุกข์จึงเป็นของไม่เที่ยงเสมอ เช่นเดียวกับความสุข เพียงแต่ว่าตอนทุกข์ ให้ผ่านวันเวลาไปได้ ไม่ด่วนตายไปเสียก่อน เมื่อทุกข์ผ่านไป จะมีสิ่งดีๆ ตามมาได้แน่นอน

เมื่อเราทุกข์หรือพบคนที่ทุกข์ อย่าลืมเปลี่ยนอารมณ์ ตั้งสติหาทางแก้ไข ใช้ความดี เอาชนะสิ่งไม่ดี ทุกข์ย่อมไม่เที่ยง ย่อมผ่านไป เป็นธรรมดา และโยมก็มีโอกาสที่จะได้รับสิ่งที่ดี ได้ปรับปรุงตนเป็นคนดีเสมอ หวังว่าเรื่องของน้องไอซ์กับน้องบิวนี้ จะเป็นประโยชน์กับญาติโยมวัยรุ่นวัยใสทุกท่าน ไม่มากก็น้อย!!!-....ขอเจริญพร

พิธีขอขมากรรม ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่

บทความที่ได้รับความนิยม